อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 7

ขณะเดียวกัน หยุนหว่านหนิงกำลังอ่านหนังสือเป็นเพื่อนหยวนเป่า

หรูยี่เอ่ยถึงเจตนาที่มาหา

“เต๋อเฟยเหนียงเหนียงต้องการพบข้าหรือ”

หยุนหว่านหนิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

แต่เมื่อคิดอีกที เมื่อคืนโม่เยว่ได้รับบาดเจ็บ วันนี้เต๋อเฟยออกจากวังมาเยี่ยม ก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว เพียงแต่ ทำไมจู่ๆจึงอยากจะพบนางเล่า

หรือว่า จะรู้แล้วว่าที่โม่เยว่ได้รับบาดเจ็บ เกี่ยวข้องกับนาง

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูใบหน้าของหยวนเป่าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้

นางขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ จึงกำชับกับหยวนเป่าว่า “หยวนเป่า เจ้าอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ แม่ไปครู่เดียวก็กลับ”

“อย่าก้าวออกจากเรือนชิงหยิ่งแม้แต่ก้าวเดียว ไม่เช่นนั้นหากแม่หาเจ้าไม่พบ คงร้อนใจแย่”

มาอยู่ที่นี่สี่ปีแล้ว

ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองท้อง เดิมทีนางไม่อยากจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ แต่เมื่อนึกถึงตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล เห็นพ่อแม่ไม่น้อยที่ต้องร้องไห้อย่างเจ็บปวดเพราะต้องสูญเสียลูกไป……

นางทำใจไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ จึงใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ปกป้องเขาเอาไว้

ที่สุดแล้วก็ออกมาจากท้องของนางเอง หยวนเป่าเองก็เป็นคนที่รู้จักเป็นห่วงเป็นใย และรักแม่คนนี้มาก

ในจวนอ๋องหมิงอันกว้างใหญ่ หยวนเป่าเป็นคนที่นางผูกพันมากที่สุด และเป็นคนที่นางใส่ใจมากที่สุดเช่นกัน

เพื่อเขาแล้ว นางสามารถแลกด้วยชีวิต

“ข้ารู้แล้ว ท่านแม่”

หยวนเป่ากะพริบตาปริบๆ ตอบรับอย่างเชื่อฟัง “ข้าจะรอท่านแม่กลับมากินข้าว ค่ำนี้ข้าอยากกินหัวสิงโตน้ำแดงที่ท่านแม่ทำ”

หยุนหว่านหนิงจึงยิ้มออกมาได้

หรูยี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเจ้าก้อนแป้งก้อนนี้ช่างน่ารักน่าชังจริงๆ

นอกจากจะชื่นชอบ “เจ้าก้อนแป้ง”ก้อนนี้แล้ว เขาพลางเดินพลางเตือนหยุนหว่านหนิงด้วยความหวังดีว่า “พระชายา วันนี้เต๋อเฟยเหนียงเหนียงโมโหมาก ท่านต้องระวังตัวให้ดี”

“ข้ารู้แล้ว”

หยุนหว่านหนิงพยักหน้ารับ

แม่สามีของนางคนนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว

คนที่นางชอบมากกว่า คือคนที่หมั้นหมายกับโม่เยว่ตั้งแต่เด็ก คือคุณหนูฉินซื่อเสวียแห่งจวนเสนาบดี

เพราะนางเข้ามาเป็นมือที่สามแย่งชิงความรัก แล้วยังบีบให้ฉินซื่อเสวียต้องพลีกายให้กับอ๋องหยิงโม่หุยเฟิง

เพราะฉะนั้น การแต่งงานระหว่างฉินซื่อเสวียกับโม่เยว่ จึงต้องล้มเลิกไป แต่ต้องหันไปแต่งงานกับโม่หุยเฟิงแทน ……ตอนนี้ จวนเสนาบดีให้การสนับสนุนอ๋องหยิงอย่างเต็มที่ ในบรรดาท่านอ๋อง ถือได้ว่าเขามีอำนาจมากที่สุดแล้ว

และเป็นเพราะนางวางแผนใช้โม่เฟยเฟย จนเกือบจะทำให้นางต้องถูกข่มเหงรังแก

ในคืนวันแต่งงานนางยังสวมเขาให้กับโม่เยว่อีก……

เมื่อรวมเรื่องเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว เกรงว่าเต๋อเฟยคงแทบอยากจะตัดเอ็น ถลกหนังนางแล้วกระมัง

ครั้งนี้ โม่เยว่ยังได้รับบาดเจ็บเพราะนางอีก แค่คิดก็รู้แล้วว่าเต๋อเฟยจะโกรธเกลียดขนาดไหน

หยุนหว่านหนิงแอบถอนหายใจ ก้าวเท้าเข้าไปในเรือนนอนของโม่เยว่ เรือนทิงจู่

เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนแขนเห็นได้ชัดว่ามีการทำแผลใหม่แล้ว เต๋อเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง เห็นหยุนหว่านหนิงเดินเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มองหน้านางตรงๆ

ไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบ แต่เรื่องมารยาทก็เรื่องหนึ่ง

หยุนหว่านหนิงเดินเข้าไป คำนับให้กับเต๋อเฟยอย่างนอบน้อม “ลูกคำนับเสด็จแม่เพคะ”

เต๋อเฟยมองนางเหมือนอากาศธาตุ หันหน้าไปพูดกับโม่เยว่

โม่เยว่กลับมองนางเป็นระยะ แต่ใบหน้ากลับเห็นได้ชัดว่ากำลังยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น

เมื่อวานเขาเพิ่งจะถูกปิดประตูไล่ออกมาจากเรือนชิงหยิ่ง และยังถูกตีด้วย……วันนี้ ให้ผู้หญิงคนนี้ได้ลองลิ้มชิมรสซะบ้าง ว่าเสด็จแม่ร้ายกาจแค่ไหน

ดูซิว่าหลังจากนี้นางยังกล้าจองหองอีกหรือไม่

เมื่อเห็นว่าโม่เยว่กับเต๋อเฟยต่างก็ไม่สนใจนาง หยุนหว่านหนิงก็กัดฟันทนเอาไว้

แม้จะอยู่ในท่าย่อเข่า แต่ขาก็เริ่มรู้สึกชาขึ้นมาบ้างแล้ว

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป เต๋อเฟยจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “ข้าดูแล้ว พระชายาหมิงคงมีชีวิตไม่เลวทีเดียว”

“ถูกกักบริเวณสี่ปี แต่กลับดูเปล่งประกายมากขึ้นด้วยซ้ำ”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่เอ่ยชม”

หยุนหว่านหนิงพยายามฉีกยิ้มที่มุมปาก เพื่อแสดงรอยยิ้มออกมา

“ข้าชมเจ้าอย่างนั้นหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์