อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 565

คุกหลวงมีคนมาอีกท่านหนึ่ง เป็นคนที่หยุนหว่านหนิงคาดไม่ถึง

“ท่านน้าเซียวหราน?”

มองดูจ้าวเซียวหรานยืนยิ้มเต็มใบหน้าอยู่นอกประตู หยุนหว่านหนิงตะลึงไปชั่วครู่ ก็ลุกขึ้นเดินไปใกล้ “ท่านมาได้อย่างไร? ท่านเป็นแขกที่นานๆ มาครั้งเลยนะ!”

สำหรับคำเรียกว่า “น้าชาย” คำนี้ อันที่จริงทั้งสองคนก็ไม่ได้มีผู้ใดสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นท่านน้าก็ดี ท่านลุงก็ตาม

หยุนหว่านหนิงเพียงคิดอย่างเรียบง่าย ว่าท่านน้าฟังดูดีกว่าท่านลุงนิดหน่อย

ถึงอย่างไรท่านลุงก็ฟังดูไม่ค่อยดี……เพราะทั้งร่านทั้งเก่า

ไม่ได้ไม่ได้ จักทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดยิ่งนัก!

ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของนางกับจ้าวเซียวหราน ก็เป็นความสัมพันธ์ของ “เครือญาติ” ที่ซับซ้อน ทั้งเป็นการข้ามรุ่น และไม่ได้เคร่งการเรียกชื่อด้วย

“แขกที่นานๆ มาครั้ง?”

จ้าวเซียวหรานละอายจนเหงื่อตก

เด็กสาวนี่ถือว่าที่นี่ราวกับเป็นจวนของตนเองกระมัง?

“หนิงเอ๋อร์ ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องที่อยากจะขอให้เจ้าช่วยตัดสินใจ”

จ้าวเซียวหรานกระแอมเบาๆ ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ

หยุนหว่านหนิงจับตะบองเหล็กที่อยู่บนประตูคุก และยิ้มอย่างจนปัญญา “ท่านน้าเซียวหราน ท่านดูสิว่าที่นี่คือที่แห่งใด? ตัวข้าเองก็อยู่ในสภาพที่ยากลำบากเช่นนี้ จักช่วยท่านตัดสินใจได้อย่างไร?”

จ้าวเซียวหราน: “……เจ้าหลอกคนอื่นได้ แล้วคิดว่าจะหลอกข้าได้หรือ?”

หยุนหว่านหนิงถูกฝ่าบาทจับเข้าคุกหลวง หรือนางถือดาบไปข่มขู่ฝ่าบาทให้จับนางเข้าคุกหลวงกันแน่……

จ้าวเซียวหรานยังไม่รู้เส้นสนกลในหรือ?!

หากนางอยากออกไป ผู้ใดจักขวางนางได้?!

เขายกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “ข้าเจอปัญหาที่แก้ได้ยากจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่กล้ามารบกวนเจ้าหรอก!”

แต่หยุนหว่านหนิงเป็นผู้น้อย……

มองดูท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาแล้ว หยุนหว่านหนิงถึงได้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็ตะโกนไปด้านนอกทันที “ทหาร! เปิดประตู!”

พัศดีวิ่งมาเปิดประตูอย่างดีใจ

มองดูท่าทางที่ชำนาญและเคารพนอบน้อมนั่น จ้าวเซียวหรานก็อดไม่ได้ที่จะจับหน้าผาก “เจ้ายังกล้าพูดว่าอยู่ในสภาพยากลำบากอีกหรือ?”

หยุนหว่านหนิงหัวเราะแห้งๆ หันไปสั่งพัศดี “ตั้งโต๊ะน้ำชาให้ข้ากับท่านน้าเซียวหรานที”

“ขอรับ พระชายาหมิง”

พัศดีก็วิ่งออกไปอย่างดีใจ

จ้าวเซียวหรานก้าวเท้าเข้าไปในห้องคุกของนาง มองไปรอบๆ และเอ่ยออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจ้าติดคุกตรงไหนกัน?”

เสียงของโม่ฮั่นอี่ว์ดังมาจากห้องข้างๆ “ที่หย่วนตงโหวพูดก็มีเหตุผล! พวกเรามาติดคุก ส่วนหยุนหว่านหนิงมาเพื่อเปลี่ยนสถานที่ใช้ชีวิตสุขสบาย!”

น้ำเสียงของเขาคับแค้นใจ

“ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉาและหมั่นไส้ แต่โม่ฮั่นอี่ว์ เจ้าเลิกพูดสอดสักทีได้หรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงไม่พอใจ “พอมีคนมาเยี่ยมข้า เจ้าก็พิงกำแพงแอบฟัง ยังจะมาพูดสอดอีก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าอีกไม่นาน ข้าจะใส่พิษลงในกับข้าวของเจ้าทำให้เจ้าเป็นใบ้ไปเสีย?”

โม่ฮั่นอี่ว์ถูกนางข่มขู่จนชินแล้ว

“ไม่ใช่ข้าคนเดียวเสียหน่อยที่แอบฟัง พี่ใหญ่ฉางเฟิงก็ไม่ได้แอบฟังอยู่เหมือนกันหรือ?”

โจวฉางเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรีบส่งเสียงมา “ข้าไม้ได้แอบฟังเสียหน่อย! เจ้าอย่ามาใส่ความคนที่มีคุณธรรมสิ!”

หยุนหว่านหนิง: “……”

โม่ฮั่นอี่ว์บ่นพึมพำ “ไม่เพียงแต่พวกข้าทั้งสองที่แอบฟัง ในคุกหลวงนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่แอบฟังซึ่งกันและกัน? ที่กั้นของเราทั้งสองใกล้กันเช่นนี้ แม้ข้าจะไม่อยากฟังเจ้าพูดก็เป็นไปได้อยาก”

“อีกอย่าง ในคุกหลวงวันเวลาช่างยาวนาน แต่จืดชืดไร้ชีวิตชีวา นอกจากแอบฟังแล้ว ข้ายังจักทำอันใดได้อีก?”

จ้าวเซียวหรานอับอายจนเหงื่อตกครั้งแล้วครั้งเล่า

ความหน้าหนาของอ๋องฮั่น ทำลายความเข้าใจของเขาที่มีต่อเขาจริงๆ!

“เจ้าหุบปากได้แล้ว”

หยุนหว่านหนิงม้วนม่านลูกปัดขึ้น ไม่รู้ว่าล้วงเอาผงแป้งหนึ่งกำมาจากที่ใด จากนั้นก็หว่านไปทางโม่ฮั่นอี่ว์

โม่ฮั่นอี่ว์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการสนทนานั้นแล้วเพิ่งจะดันตัวขึ้นมาได้ครึ่งเดียว ผงแป้งก็โรยอยู่เต็มหัวเต็มหน้าของเขา

“หยุนหว่านหนิง! เจ้าหว่านอันใดใส่ข้า……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์