คุกหลวงมีคนมาอีกท่านหนึ่ง เป็นคนที่หยุนหว่านหนิงคาดไม่ถึง
“ท่านน้าเซียวหราน?”
มองดูจ้าวเซียวหรานยืนยิ้มเต็มใบหน้าอยู่นอกประตู หยุนหว่านหนิงตะลึงไปชั่วครู่ ก็ลุกขึ้นเดินไปใกล้ “ท่านมาได้อย่างไร? ท่านเป็นแขกที่นานๆ มาครั้งเลยนะ!”
สำหรับคำเรียกว่า “น้าชาย” คำนี้ อันที่จริงทั้งสองคนก็ไม่ได้มีผู้ใดสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นท่านน้าก็ดี ท่านลุงก็ตาม
หยุนหว่านหนิงเพียงคิดอย่างเรียบง่าย ว่าท่านน้าฟังดูดีกว่าท่านลุงนิดหน่อย
ถึงอย่างไรท่านลุงก็ฟังดูไม่ค่อยดี……เพราะทั้งร่านทั้งเก่า
ไม่ได้ไม่ได้ จักทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดยิ่งนัก!
ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของนางกับจ้าวเซียวหราน ก็เป็นความสัมพันธ์ของ “เครือญาติ” ที่ซับซ้อน ทั้งเป็นการข้ามรุ่น และไม่ได้เคร่งการเรียกชื่อด้วย
“แขกที่นานๆ มาครั้ง?”
จ้าวเซียวหรานละอายจนเหงื่อตก
เด็กสาวนี่ถือว่าที่นี่ราวกับเป็นจวนของตนเองกระมัง?
“หนิงเอ๋อร์ ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องที่อยากจะขอให้เจ้าช่วยตัดสินใจ”
จ้าวเซียวหรานกระแอมเบาๆ ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
หยุนหว่านหนิงจับตะบองเหล็กที่อยู่บนประตูคุก และยิ้มอย่างจนปัญญา “ท่านน้าเซียวหราน ท่านดูสิว่าที่นี่คือที่แห่งใด? ตัวข้าเองก็อยู่ในสภาพที่ยากลำบากเช่นนี้ จักช่วยท่านตัดสินใจได้อย่างไร?”
จ้าวเซียวหราน: “……เจ้าหลอกคนอื่นได้ แล้วคิดว่าจะหลอกข้าได้หรือ?”
หยุนหว่านหนิงถูกฝ่าบาทจับเข้าคุกหลวง หรือนางถือดาบไปข่มขู่ฝ่าบาทให้จับนางเข้าคุกหลวงกันแน่……
จ้าวเซียวหรานยังไม่รู้เส้นสนกลในหรือ?!
หากนางอยากออกไป ผู้ใดจักขวางนางได้?!
เขายกมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “ข้าเจอปัญหาที่แก้ได้ยากจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่กล้ามารบกวนเจ้าหรอก!”
แต่หยุนหว่านหนิงเป็นผู้น้อย……
มองดูท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาแล้ว หยุนหว่านหนิงถึงได้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็ตะโกนไปด้านนอกทันที “ทหาร! เปิดประตู!”
พัศดีวิ่งมาเปิดประตูอย่างดีใจ
มองดูท่าทางที่ชำนาญและเคารพนอบน้อมนั่น จ้าวเซียวหรานก็อดไม่ได้ที่จะจับหน้าผาก “เจ้ายังกล้าพูดว่าอยู่ในสภาพยากลำบากอีกหรือ?”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะแห้งๆ หันไปสั่งพัศดี “ตั้งโต๊ะน้ำชาให้ข้ากับท่านน้าเซียวหรานที”
“ขอรับ พระชายาหมิง”
พัศดีก็วิ่งออกไปอย่างดีใจ
จ้าวเซียวหรานก้าวเท้าเข้าไปในห้องคุกของนาง มองไปรอบๆ และเอ่ยออกมาอย่างทอดถอนใจ “เจ้าติดคุกตรงไหนกัน?”
เสียงของโม่ฮั่นอี่ว์ดังมาจากห้องข้างๆ “ที่หย่วนตงโหวพูดก็มีเหตุผล! พวกเรามาติดคุก ส่วนหยุนหว่านหนิงมาเพื่อเปลี่ยนสถานที่ใช้ชีวิตสุขสบาย!”
น้ำเสียงของเขาคับแค้นใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าอิจฉาและหมั่นไส้ แต่โม่ฮั่นอี่ว์ เจ้าเลิกพูดสอดสักทีได้หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงไม่พอใจ “พอมีคนมาเยี่ยมข้า เจ้าก็พิงกำแพงแอบฟัง ยังจะมาพูดสอดอีก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าอีกไม่นาน ข้าจะใส่พิษลงในกับข้าวของเจ้าทำให้เจ้าเป็นใบ้ไปเสีย?”
โม่ฮั่นอี่ว์ถูกนางข่มขู่จนชินแล้ว
“ไม่ใช่ข้าคนเดียวเสียหน่อยที่แอบฟัง พี่ใหญ่ฉางเฟิงก็ไม่ได้แอบฟังอยู่เหมือนกันหรือ?”
โจวฉางเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรีบส่งเสียงมา “ข้าไม้ได้แอบฟังเสียหน่อย! เจ้าอย่ามาใส่ความคนที่มีคุณธรรมสิ!”
หยุนหว่านหนิง: “……”
โม่ฮั่นอี่ว์บ่นพึมพำ “ไม่เพียงแต่พวกข้าทั้งสองที่แอบฟัง ในคุกหลวงนี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่แอบฟังซึ่งกันและกัน? ที่กั้นของเราทั้งสองใกล้กันเช่นนี้ แม้ข้าจะไม่อยากฟังเจ้าพูดก็เป็นไปได้อยาก”
“อีกอย่าง ในคุกหลวงวันเวลาช่างยาวนาน แต่จืดชืดไร้ชีวิตชีวา นอกจากแอบฟังแล้ว ข้ายังจักทำอันใดได้อีก?”
จ้าวเซียวหรานอับอายจนเหงื่อตกครั้งแล้วครั้งเล่า
ความหน้าหนาของอ๋องฮั่น ทำลายความเข้าใจของเขาที่มีต่อเขาจริงๆ!
“เจ้าหุบปากได้แล้ว”
หยุนหว่านหนิงม้วนม่านลูกปัดขึ้น ไม่รู้ว่าล้วงเอาผงแป้งหนึ่งกำมาจากที่ใด จากนั้นก็หว่านไปทางโม่ฮั่นอี่ว์
โม่ฮั่นอี่ว์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการสนทนานั้นแล้วเพิ่งจะดันตัวขึ้นมาได้ครึ่งเดียว ผงแป้งก็โรยอยู่เต็มหัวเต็มหน้าของเขา
“หยุนหว่านหนิง! เจ้าหว่านอันใดใส่ข้า……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...