“ใช่ พี่หมิง หนีกันเถอะ คนพวกนี้ท่าทางร้ายกาจ และต่างก็มีอาวุธอยู่ในมือ ถ้าหนีช้าไป พวกเราต้องจบเห่แน่”
“ไอ้อ้วนแซ่หวางนั่นเป็นสัตว์เดรัจฉาน เที่ยวต้มตุ๋นไปทั่ว ยังไงซะพวกเราก็ได้เงินมามากพอแล้ว แยกย้ายเถอะ ไอ้อ้วนแซ่หวางนั่นเป็นคนกวางตุ้ง มันต้มตุ๋นหลอกลวงเสร็จ ก็ปัดก้นหนีแล้ว ใครก็หามันไม่เจอ พูดตรง ๆ คนที่รับเคราะห์ก็ไม่ใช่พวกเราหรอกเหรอ? สิ่งที่ไอ้อ้วนแซ่หวางทำลาย ก็ไม่ใช่ชื่อเสียงของพวกเราหรอกเหรอ?”
ชายผมแสกกลางกล่าวอย่างไม่ละอายใจ คนที่อยู่ในวงการนี้ มีใครบ้างที่ยังเป็นห่วงชื่อเสียง? ชายผมแสกกลางเพียงแค่ต้องการหาเหตุผลให้ตัวเอง เพื่อให้ตัวเองหนีงานได้เท่านั้นเอง
แต่ก็ยังมีคนที่ใจนักเลงพอยืนออกมาพูด: “รับเงินเขามาแล้วก็ต้องจัดการปัญหาให้ ถ้าพวกเราหนีไปแบบนี้ มันจะไม่ไร้คุณธรรมไปหน่อยเหรอ? ถ้าเกิดให้คนอื่นรู้เข้า แพร่งพรายออกไป ยังจะมีใครมาจ้างพวกเราทำงานอีกล่ะ”
“แกแม่งปัญญาอ่อนหรือไง? พวกเราทำงานให้คุณชายมู่ ยังต้องกลัวไม่มีข้าวจะกินอีกหรือยังไง?”
ในตอนนี้เองจางกงหมิงก็เอ่ยขึ้น: “เรื่องนี้พวกเราจะปอดแหกไม่ได้ ต้องสู้ ทุกคนลงมือด้วยกันกับฉัน”
พูดตามตรง จางกงหมิงถึงเป็นแกนนำคนสำคัญ เขาบอกให้ลงมือ ทุกคนก็จะต้องลงมือ ถ้าเขาบอกให้หนี เกรงว่าชายร่างอ้วนที่ทำแชร์ลูกโซ่นั่นจะต้องถูกเล่นงานจนตายแย่
“พี่หมิง แบบนี้เท่ากับว่าพวกเราเอาชีวิตไปทิ้งนะ” พวกลูกน้องเกิดท่าทีหวั่นเกรงขึ้นมาทันที
“เอาชีวิตไปทิ้งก็ต้องสู้ โทรศัพท์หาคุณชายมู่ ให้เขารีบส่งกองหนุนมาช่วย แม่งเอ๋ย พวกมันเห็นพวกเราแล้ว” จางกงหมิงหดคอเล็กน้อย จากนั้นอาวุธที่อยู่ในมือ ก็พุ่งเข้าไปก่อนทันที
“พี่หมิง บาดแผลของพี่ยังไม่หายดีเลยนะ” ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเอ่ยเตือน แต่ทว่าได้สายไปแล้ว
จางกงหมิงวิ่งลอยเข้าไปอย่างรวดเร็ว และได้มาถึงด้านหน้าของหวางเสี่ยวหยวนอย่างรวดเร็ว: “เชรด พวกนายบ้าไปแล้วหรือไง พาคนมาเยอะขนาดนี้”
หวางเสี่ยวหยวนไม่ได้ตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย เขายกท่อนเหล็กในมือขึ้น แล้วฟาดลงไปบริเวณหัวของจางกงหมิง จางกงหมิงรับขยับตัวหลบทันที เหลือไว้เพียงหยดเหงื่อที่เย็นยะเยือก: “แม่งเอ๊ย ตกลงแล้วแกใช่คนของเสี่ยวฝางหรือเปล่า ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเสี่ยวฝางใช่ไหม?”
บนใบหน้าของจางกงหมิงเต็มไปด้วยความหวาดผวาและโมโห ท่อนเหล็กเมื่อกี้นั้น ถ้าหากเขาหลบไม่ทันล่ะก็ เช่นนั้น เกินกว่าครึ่งคงต้องลงไปกองกับพื้นแล้ว
“จางกงหมิง ฉันรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับเจ้านายแต่นั่นเป็นเพียงเมื่อก่อน วันนี้แกได้แบกหน้าไปพึ่งพาอาศัยมู่เสี่ยวไป๋ และได้กลายเป็นศัตรูกับเจ้านายของพวกเรา”
“มาพูดถึงมิตรภาพในตอนนี้ แกไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ?”
หวางเสี่ยวหยวนหัวเราะแหะ ๆ จากนั้นก็ชูกระบองขึ้น แล้วฟาดลงไปอีกครั้ง
ดวงตาทั้งสองข้างของจางกงหมิง หรี่ลงเล็กน้อย เขาจ้องมองหวางเสี่ยวหยวน กล่าว: “หวางเสี่ยวหยวนใช่ไหม? อดีตพี่ใหญ่ในยุทธภพนี่ เหอะ ๆ วันนี้ฉันจะต้องขอคำแนะนำซะแล้ว ดูสิว่าแกจะร้ายกาจแค่ไหน”
การต่อสู้ของทั้งสองคน ไม่นานก็ได้เข้าขั้นดุเดือดที่สุด
ห่างออกมาไม่ไกลนัก รถเบนซ์G-Classคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง และกำลังใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูสถานการณ์ทุกอย่างอยู่
“จางกงหมิงถูกกำหนดให้พ่ายแพ้” หลี่ฟางกำหมัดแน่น เป็นกังวลแทนจางกงหมิง
ถึงแม้หวางเสี่ยวหยวนถึงเป็นคนของตัวเอง แต่ที่ภายในใจของหลี่ฝางเป็นห่วง และปรารถนาให้ชนะ กลับเป็นจางกงหมิง
แต่ทว่า อาการบาดเจ็บของจางกงหมิงยังไม่หายดี และสามารถใช้กำลังฝีมือทั้งหมดออกมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเอง แล้วจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวางเสี่ยวหยวนได้ยังไง?
ถึงแม้หวางเสี่ยวหยวนจะปลดเกษียณไปนาน แต่ร่างกายของเขา กลับไม่เคยถดถอยเลยแม้แต่นิดเดียว
จากนั้นไม่นาน ทางด้านจางกงหมิงก็ได้ถูกจัดการจนแตกกระจัดกระจาย ส่วนตัวของจางกงหมิงเองก็ได้ลงไปกองอยู่บนพื้น แม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นมาก็ไม่มี มุมปากของเขา มีเลือดไหลหยดออกมา
หลี่ฝางเห็นด้วยตา แต่เจ็บที่ใจ
มีหลายครั้งที่หลี่ฝางอยากจะบุกเข้าไป บอกให้พวกเขาหยุดลงมือ แต่กลับถูกส้าวส้วยห้ามเอาไว้
“เจ้านาย คุณต้องเข้าใจ ว่าคุณกำลังช่วยเขาอยู่” ส้าวส้วยกล่าวตักเตือน พูดเกลี้ยกล่อมหลี่ฝางอยู่ไม่หยุด: “ในกลุ่มของจางกงหมิงในตอนนี้ ไม่ใช่มีเพียงแค่กลุ่มลูกน้องสายตรงของเขา ที่เยอะกว่า คือคนที่เข้ามาใหม่ และคนกลุ่มนี้ ล้วนเชื่อใจไม่ได้ ถ้าคุณบุกเข้าไป ช่วยจางกงหมิงเอาไว้ นี่มันนับเป็นเรื่องอะไรกัน? เรื่องนี้ เดิมที่จางกงหมิงก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกสงสัยมากที่สุด ถ้าหากให้มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าคุณช่วยเขาเอาไว้ นั้นพอดีกับเป็นการพิสูจน์ว่ามิตรภาพระหว่างพวกคุณสองคนยังอยู่ แบบนี้ มู่เสี่ยวไป๋ยังจะกล้าใช้จางกงหมิงอยู่อีกเหรอ?”
“ไม่เพียงไม่กล้า ยิ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะกำจัดเขาไปด้วยซ้ำ” ส้าวส้วยกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง