คุณอาหวางที่หลี่ฝางเรียก ก็คือเจ้าของโครงการคฤหาสน์บ้านซาน เป็นบุคคลที่มีเส้นสาย ตระกูลของเขา ไม่ได้อยู่ที่เมืองเอก ที่ทำโครงการคฤหาสน์บ้านซาน ที่จริงแล้วก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับคนใหญ่คนโตในเมืองเอ
ถึงยังไง คนที่สามารถซื้อคฤหาสน์บ้านซานได้ ทั้งเมืองเอก ก็มีแต่คนนำพวกนั้นอยู่แล้ว
พวกที่จู่ๆ ก็มีเงิน หรือว่าพวกทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คนแซ่หวังคนนี้ ไม่ขายให้หรอก
รปภ.ของคฤหาสน์บ้านซาน แต่ละคนไม่ใช่ย่อยๆ แล้วก็อยู่ที่นี่ ระบบรักษาความปลอดภัย ดีมากๆ
หลี่ฝางไม่อยากก่อความวุ่นวายโดยไม่บอกคนแซ่หวังก่อน พูดตามตรง หากทำได้ หลี่ฝางก็ไม่อยากลงมือบนคฤหาสน์บ้านซาน แต่หวางต้องคนนั้น เหมือนว่าจะไม่ยอมลงจากเขาไปง่ายๆ ดังนั้นจึงทำได้แค่เอาคนขึ้นมาแล้ว
ในตอนนั้น ที่ประตูคฤหาสน์ หวางเหยาก็เดินเข้ามา
หวางเหยาเห็นหลี่ฝาง สีหน้าก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หล่อนเซ็นสัญญากับบริษัทของหวางต้องไปแล้ว นี่เท่ากับหนีเอาตัวรอดไป แถมยังหักหลังและละเมิดสัญญากับหลี่ฝางด้วย
สำหรับคนที่เซ็นสัญญาเน็ตไอดอลกับหลี่ฝางเป็นคนแรก และก็เป็นคนที่หนีไปคนแรกเช่นกัน พูดแบบนี้ ก็น่าขำดี
“คุณชายหลี่ ขอโทษด้วย” หวางเหยาเดินเข้ามา แล้วโค้งคำนับ
“ฉันรู้ว่าเธอถูกบังคับ ภายใต้ครอบครัวที่มีการศึกษาสูง มีคนที่มีนิสัยเปิดเผยแบบนี้ ยากมากที่จะทำให้ครอบครัวยอมรับได้”
หลี่ฝางพูดนิ่งๆ : “พ่อของเธอไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย?”
“ท่านออกจากห้องผ่าตัดแล้ว แต่ว่าหลังจากเห็นฉัน อารมณ์ก็ไม่คงที่ ครอบครัวฉันก็ไม่ค่อยอยากเจอฉัน แม่ฉันให้ฉันหาที่พักที่อื่นสักวันสองวัน ตอนนี้อย่าเพิ่งไปที่โรงพยาบาล รอให้พ่อฉันหายดีก่อน หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฉันค่อยไปขอโทษท่าน”
“แม่ฉันหมายถึงว่า ไม่ให้ฉันเป็นเน็ตไอดอลแล้ว ถึงแม้ครอบครัวของฉันจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีกิน พ่อแม่ของฉันมีงานทำ คุณปู่ของฉันมีเบี้ยเกษียณ ไม่จำเป็นให้ลูกผู้หญิงอย่างฉัน เรียนไปทำงานไป”
“งั้นเธอบอกพวกท่านว่า ในหนึ่งเดือน เธอสามารถหาเงินได้เท่ากับเงินเดือนของพวกท่านทั้งปี? พวกท่านก็ยังไม่ยอมเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วแล้วถาม
“ฉันไม่กล้าพูด ถึงยังไง พวกท่านก็ไม่เชื่อหรอก ค่ายาครั้งนี้ ฉันก็แอบจ่ายให้”
“เห้อ คุณชายหลี่ มีเรื่องนึง ที่ฉันอยากจะบอก”
หวางเหยามองหลี่ฝาง แล้วกัดริมฝีปาก ผ่านไปนานก็พูดไม่ออก
“หวางต้องบอกฉันแล้ว ว่าเธอเซ็นสัญญากับเขาไปแล้ว” หลี่ฝางมองหวางเหยาแล้วพูด: “เธอคิดดีแล้วใช่มั้ย ละเมิดสัญญา ต้องใช้เงินเยอะนะ”
ริมฝีปากของหวางเหยาสั่นเล็กน้อย และก็พูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง สุดท้ายก็ทำแค่ถอนหายใจ
“คุณชายหลี่ ฉันไม่มีทางเลือกอื่น อาการป่วยของพ่อฉันยังไม่นิ่ง ในมือของหวางต้องมีวิดีโอของฉันอยู่ ถ้าหากเขาเอาวิดีโอนั่นให้พ่อฉันดู พ่อฉันต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่”
“เมื่อกี้ฉันถามหมอมาแล้ว หัวใจของพ่อฉัน ไม่สามารถรับเรื่องกระทบกระเทือนใจได้มาก”
“ค่าชดเชยที่ละเมิดสัญญา ฉันรู้ตัวเลขนั้นแล้ว ฉันยากที่จะยอมรับ หวางต้องจะช่วยออกให้ส่วนนึง ส่วนที่เหลือ ฉันอยากจะค่อยๆ ใช้คืน คุณว่าแบบนี้ได้มั้ย? คุณชายหลี่”
หวางเหยาเงยหน้า มองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างอ้อนวอน
“ไม่ได้” ไม่รอให้หลี่ฝางพูดจบ โจวเจ๋ก็เดินเข้ามา แล้วกระซิบที่ข้างหูหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ บทคนเลวไว้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
“คุณจะยอมไม่ได้ ถ้าหากยอม ก็เท่ากับเปิดลู่ทางให้ หลังจากนี้คนของเรา ก็จะจากไปแบบนี้ตามๆ กัน”
“คนสวย พวกเรามีความสัมพันธ์แบบนายจ้างและลูกจ้าง บริษัทให้ของเธอ เธอก็ต้องหาเงินให้เรา พวกเราก็ได้กันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าใช้บริษัทเราดันเธอขึ้นไป จากนี้เธอก็ถีบส่งบริษัทเราทิ้ง? แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง? บนโลกนี้ไม่มีหลักการที่กินแล้วไม่จ่ายหรอกนะ เธอจะไป นอกจากเธอจะจ่ายเงินชดเชย แบบห้ามขาดสักแดงเดียว ไม่อย่างนั้น เธอไปออกหน้าที่ไหน พวกเราก็มีสิทธิ์จะฟ้องร้องเธอและบริษัทนั้นให้รับผิดชอบตามกฎหมาย”
โจวเจ๋พูด: “ไม่ใช่แค่เธอ ผู้จัดคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ดังนั้นถ้าเธออยากจะหนีเอาตัวรอด ต้องรบกวนเธอคิดให้ดีๆ แล้วแหละ”
สีหน้าของหวางเหยา หม่นหมองลงไปครู่นึง: “คุณชายหลี่ อะลุ่มอล่วยให้หน่อยได้มั้ย? ฉันโดนบังคับจนหมดหนทางจริงๆ”
“ไม่ได้” หลี่ฝางกัดฟันพูด: “หวางเหยา ฉันเป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่เรื่องหลอก แต่ฉันก็เป็นเจ้านายของเธอเหมือนกัน”
“ฉันเปิดช่องบริษัท ก็เพื่อหาเงิน ไม่ใช่บ้านเมตตา ฉันดันเธอจนดัง แล้วเธอก็ไปอยู่ช่องอื่น แถมยังจะเอาคนที่ติดตามเธอไปด้วย เธอคิดว่า ฉันจะยอมเหรอ?” หลี่ฝางส่ายหน้า: “ถ้าฉันยอม นั่นก็โง่แล้วไม่ใช่ไง?”
หวางเหยาพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าหากฉันไม่ยอม พวกเขาจะต้องทำร้ายพ่อฉันถึงตายแน่ๆ” หวางเหยาพูดอย่างร้อนรน
โจวเจ๋มองหลี่ฝาง แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่กว่าพวกเขาจะมาถึง”
“ฉันถามแป๊บ” หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา ขณะที่เตรียมตัวโทรหาเฉินฝูเซิง แต่ใครจะรู้ว่า เฉินฝูเซิงจะชิงโทรมาหาก่อน แล้วพูด: “คุณชายหลี่ ผมมาถึงแล้ว”
“เร็วปานนี้?” หลี่ฝางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“เหอะๆ สำหรับไอ้หวางต้องนั่น ผมเกลียดมันเข้ากระดูกดำแล้ว” เฉินฝูเซิงทนไม่ไหวแล้ว
หลังจากวางสาย หลี่ฝางก็มองโจวเจ๋ แล้วพูด: “พวกเขาถึงแล้ว จากนี้ นายจะเอาไงต่อ?”
โจวเจ๋หาแมสมาใส่ และสวมหมวก แล้วพูด: “คุณชายหลี่ เอาเบอร์โทรศัพท์เขามาให้ผม ที่เหลือ ก็รอฟังข่าวดีจากผมได้เลย”
“ผมรู้ ความเสี่ยงนี้ครั้งนี้มีเยอะ ถ้าหากเกิดเรื่องจริงๆ ผมจะรับผิดชอบเองทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับคุณแม้แต่นิดเดียว” โจวเจ๋พูด
หลี่ฝางมองส้าวส้วย ราวกับถามหาความเห็นจากส้าวส้วย ส้าวส้วยพยักหน้าให้หลี่ฝาง ความหมายคือโอเค
หลี่ฝางจึงให้เบอร์เฉินฝูเซิงกับโจวเจ๋ไป
หลังจากโจวเจ๋ออกไป หลี่ฝางก็ถามส้าวส้วย: “คนนึงเฉินฝูเซิง อีกคนโจวเจ๋ นายว่าจะมีปัญหามั้ย?”
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้หวางต้องนั่น ที่จริงแล้วก็งั้นๆ”
ส้าวส้วยพูดอย่างไม่สนใจ: “ฉันคิดว่า วิธีของโจวเจ๋ไม่เลว ง่าย รุนแรง ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับโจวเจ๋ แต่ถ้าแม้แต่หวางต้องคนนั้นเฉินฝูเซิงยังเอาไม่อยู่ งั้นก็หมดคำจะพูดจริงๆ”
หลังจากโจวเจ๋ลงไป ก็โทรหาเฉินฝูเซิง
หลังจากทั้งสองเจอกัน โจวเจ๋จึงถามขึ้น: “พาคนมามั้ย?”
เฉินฝูเซิงก็เปิดกล่องใบนึง ด้านในอะไรก็มี แถมยังมีปืนกลอยู่ด้านในหลายกระบอก โจวเจ๋ที่เห็นภาพนี้ ก็เกือบจะช็อกจนเอ๋อ
“นี่พวก อันไหนใช้ถนัดมือ ที่ฉันรุ่นไหนก็มีหมด” เฉินฝูเซิงมองโจวเจ๋ แล้วยักคิ้ว นัยน์ตาของเขา เต็มไปด้วยความพอใจ
โจวเจ๋แค่กลืนน้ำลาย ราวกับความเอ๋ออย่างนั้นแหละ แล้วพูด: “พี่ชาย จะทำอะไรเหนี่ย พวกเราแค่ไปก่อเรื่อง ไม่ใช่จะไปฆ่าล้างบางนะ”
“ต่างกันตรงไหนล่ะ ไม่ฆ่าพวกมันสักคนสองคน เกรงว่าพวกมันคงไม่รู้ว่าฉันร้ายกาจขนาดไหน” เฉินฝูเซิงยืนขึ้น เท้าสะเอว มองไปทางคฤหาสน์บ้านซานพลางพูด
โจวเจ๋ทำหน้าลำบากใจแล้วพูด: “พวกพี่ชายสรุปแล้วเป็นใครกันแน่เหนี่ย”
ในตอนนี้โจวเจ๋เริ่มจะหวาดกลัวแล้ว เขาแค่รู้ว่าหลี่ฝางเลี้ยงพวกนักเลงไว้อยู่ แต่ใครจะรู้ ว่านักเลงพวกนี้ เอะอะก็จะควักปืนออกมา
จะโหดไปมั้ยเหนี่ย?
เล่นจนมีคนตาย นั่นมันคนละเรื่องแล้วนะ
“ทำไม คุณชายหลี่ไม่ได้บอกนายเหรอ ฉันเป็นลูกน้องเบอร์หนึ่งที่โหดที่สุดของเขา น้องชาย สรุปแล้วนายจะให้พวกฉันทำอะไรกันแน่?” เฉินฝูเซิงพูด: “นายพูดมาเลย ให้ทำยังไง พวกเรารีบ”
“ช่างเถอะ ไหนๆ ก็มีของพวกนี้ ก็ติดไปด้วยสักสองกระบอกเถอะ”
โจวเจ๋กัดฟันพูด: “ของสิ่งนี้ ใช้ได้ผลมากกว่ามีดเยอะเลย”
“นั่นมันแน่อยู่แล้วนี่” เฉินฝูเซิงพูดอย่างหงุดหงิด
“แต่ก็มีปัญหาเหมือนกัน” โจวเจ๋พูดขึ้นอีกครั้ง
เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ : “จะมีปัญหาอะไรได้”
ในใจของโจวเจ๋ ที่จริงแล้วหวาดกลัว ถึงยังไงก่อนจะออกมา ก็พูดกับหลี่ฝางไว้แล้ว ว่าถ้ามีปัญหาอะไร เขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด
แต่ตอนนี้มาหยิบจับปืน เป็นไปได้มากว่าจะเล่นจนมีคนตาย
ตอนนี้ โจวเจ๋รู้สึกว่าตนรับผิดชอบไม่ไหวแล้ว
ถูกแล้ว โจวเจ๋ปอดแหกแล้ว
แต่ในขณะนี้ โจวเจ๋ก็ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว เขามองเฉินฝูเซิง แล้วถาม: “ไม่มีอาวุธอันอื่นแล้วเหรอ?”
“ไม่มีแล้ว พวกเราทำงาน ก็มีแค่นี้” เฉินฝูเซิงส่ายหน้า แล้วพูด: “ถึงยังไงของอย่างอื่น ไม่ใช่แค่ใช้ไม่ถนัด และยังไม่เกิดผลด้วย นายว่างั้นมั้ย?”
โจวเจ๋หมดคำจะพูด: “ไอ้อันยาวๆ นั่น ก็พกไปสักสองกระบอกเถอะ เวลาจำเป็น ก็ไว้ใช้แทนท่อนเหล็กได้”
“เหอะๆ นายนี่ตลกดีนะ” เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ พลางมองโจวเจ๋
ไม่นาน คนกลุ่มนี้ก็ค่อยขึ้นไปบนคฤหาสน์บ้านซาน รปภ.ของบ้านซาน หลี่ฝางได้แจ้งเอาไว้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะปิดบังหน้าเอาไว้ ก็ไม่ได้ขวางพวกเขา
ในตอนนั้นในคฤหาสน์ของมู่เสี่ยวไป๋ สว่างไสว กลุ่มนักเลง สาวฮ็อต กำลังร้องเพลงเต้นรำกันอยู่ในคฤหาสน์ รื่นเริงกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง