ฝีมือของมู่หรงฉางเฟิงถือว่าใช้ได้
ในขณะที่หมัดของมู่หรงฉางเฟิงจะต่อยลงบนใบหน้าของฉินหยีหรันนั้น โหจื่อรีบเข้าไปหา แล้วดึงแขนของมู่หรงฉางเฟิงไว้
“หลบไป”
“อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น”
“เธอเป็นเมียฉัน ฉันชอบตียังไง ก็จะตีอย่างงั้น”
มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ: “นายไม่มีสิทธิ์มาขวางฉัน”
“สิทธิ์เหรอ?”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ลูกพี่ใหญ่นายจะยุ่งเรื่องของคนอื่น จำเป็นต้องมีสิทธิ์ด้วยเหรอ?”
โหจื่อยิ้มเยาะเย้ยพูดจบ สะบัดมือ แกว่งแขนของมู่หรงฉางเฟิง ออกไป
มูหรงฉางเฟิงถอยไปสองสามก้าว มองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านั้นนายเคยพ่ายแพ้ให้กับบอดี้การ์ดของมู่เสี่ยวไป๋”
“ใช่แล้ว มีเรื่องแบบนั้นจริง” โหจื่อพยักหน้ายอมรับอย่างเปิดเผย
“ถ้าอย่างนั้นนายรู้ไหม บอดี้การ์ดคนนั้นของมู่เสี่ยวไป๋ เคยพ่ายแพ้ให้ฉันมาก่อน” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างได้ใจ
“จริงเหรอ?ฉันว่านายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวโจวหรอก แปดสิบเปอร์เซ็นต์คงเป็นเพราะเห็นนายเป็นลูกคุณหนู ถึงยอมแพ้ให้กับนายเท่านั้นเอง”
“ถ้าเกิดตีนายจนร้องหาย หน้าของคุณชายมู่หรงอย่างนาย จะเอาไปไว้ที่ไหน นายว่าใช่ไหม?”
“ถูกละ คุณชายมู่หรงอย่างนายยังมีหน้าอะไรอีก แม้แต่ภรรยาตัวเอง ก็ยังไม่ชอบนายเลยยัง
สวมเขาให้นายอีก เจ่อๆ ดูอาหารบนโต๊ะนี้สิ เขียวขจีไปหมด ช่างเหมาะสมกับนายมาก
คุณชายมู่หรง”
โหจื่อเผชิญหน้ากับมู่หรงฉางเฟิง พูดเยาะเย้ยออกมา
ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง มืดมนลงทันที
“นายมันไอ้เลว กูจะฆ่ามึง!” มู่หรงฉางเฟิงตะโกนโหดเหี้ยมออกมา
ถึงแม้ฉินหยีหรันจะเป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงแค่ในนาม ทั้งสองคนไม่ได้มีความรักต่อกัน การแต่งงานของทั้งสองคน เป็นแค่เครื่องมือผลประโยชน์ของทั้งสองครอบครัวเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ถ้าฉินหยีหรันมีชู้ คนที่ขายหน้า ต้องเป็นมู่หรงฉางเฟิงแน่นอน
และสำหรับผู้ชายแล้ว ความอับอายที่ไม่สามารถทนรับได้ ก็คงเป็นการถูกคนอื่นสวมเขาให้นั่นเอง
มู่หรงฉางเฟิงเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เสมือนไม่กี่วินาทีก็มาถึงตรงหน้าของโหจื่อ โหจื่อถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วมาถึงประตูบ้านหลังเล็กๆ
“ถ้าแน่จริง ก็วิ่งตามเข้ามาสิ”
โหจื่อยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นเดินเข้าไปข้างในบ้าน
ส่วนมู่หรงฉางเฟิงไม่ได้ตรึกตรองอะไรมาก เดินตามเข้าไปข้างในเลย
“ออกมา!”
ทันทีที่มู่หรงฉางเฟิงตะโกน โหจื่อก็บินลงมาจากข้างบน และหันหน้าเข้ากับหน้าอกของมู่หรงฉางเฟิง และข่วนมันลงไป จากนั้นข่วนเสื้อผ้าของเขาตรงหน้าอก จนฉีกขาด
จากนั้น ร่างของโหจื่อ ไปหยุดอยู่ที่บนกำแพง
“วิชาตุ๊กแกท่องกำแพง?” มองไปที่โหจื่อ สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เปลี่ยนไปเล็กน้อย
วิชาตุ๊กแกท่องกำแพงนี้ เดิมที่เป็นวิชาสุดยอดของเส้าหลิน หลังจากนั้น ก็หายสาบสูญไปเลย
ใครจะไปคาดคิด ว่าโหจื่อคนนี้กลับมีวิชาตุ๊กแกท่องกำแพงนี้
มู่หรงฉางเฟิงแค่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน
นี่คือวิชาตัวเบาที่สุดยอดที่สุดวิชาหนึ่งเลย ตามที่ได้ยินมาหลังจากฝึกฝนสำเร็จแล้ว ทั้งตัวสามารถเกาะไว้ที่ผนังได้เลย และสามารถบินข้ามกำแพงได้อย่างง่ายดาย
“นายถือว่ามีความรู้ไม่น้อยเลย แม้แต่วิชาตุ๊กแกท่องกำแพงก็รู้จักด้วย”
“ถูกต้อง นี่คือวิชาตุ๊กแกท่องกำแพง เพื่อฝึกฝนวิชานี้ให้สำเร็จ ฉันต้องรักษาหุ่น ไม่กล้ากินเยอะดื่มเยอะ หลายปีมานี้ ไม่เคยกล้ากินอย่างปล่อยตัวเลยสักครั้ง เห้อ”
โหจื่อถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “พูดแล้ว ถือว่าไม่ง่ายเลย”
“หึ ก็แค่วิชาง่ายๆ แค่นั้นแหละ” มู่หรงฉางเฟิงแสดงอาการไม่แคร์ออกมา: “นี่มันวิชาที่ให้ผู้หญิงฝึก ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายทั้งแท่งอย่างนาย ก็ไปแอบฝึกเหมือนกัน!”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา เดินลงมาจากกำแพงข้างบน เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ใช้เท้าสองข้างถีบลงไปโดยตรงเลย
มู่หรงฉางเฟิงใช้แขนไปขวางไว้ แต่ก็ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว
และมู่หรงฉางเฟิงรีบวิ่งติดต่อกันหลายก้าว เพื่อต้องการหนีออกมา แต่หลี่ฝางได้ปิดตายประตูไว้ก่อนแต่แรกแล้ว
หลังจากที่หลี่ฝางปิดประตูแล้ว มองไปที่ฉินหยีหรันแล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า: “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉินหยีหรันส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ชินแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“ก็แค่แผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้นเอง” ฉินหยีหรันพูดออกมาอย่างไม่แคร์
หลี่ฝางรู้ว่าฉินหยีหรันประสบการณ์ชีวิตโชคร้ายมาก
และดวงตาของฉินหยีหรันนั้นว่างเปล่ามาก หลี่ฝางรู้สึก ฉินหยีหรันในตอนนี้ แม้แต่ความตาย ก็คงไม่รู้สึกกลัว?
ฉินหยีหรันไปจับมือของหลี่ฝางไว้แล้วพูดขึ้นว่า: “คุณรีบไปช่วยน้องสาวฉัน น้องสาวฉันถูกคนของมู่หรงฉางเฟิงจับตัวไป เขาเป็นคนบ้า เรื่องอะไรก็ทำออกมาได้ ถ้าเกิดเขาส่งน้องสาวฉันไปที่สโมสรเจียงหนาน ต้องจบแน่ๆ”
หลี่ฝางส่ายหัว แล้วพูดกับฉินหยีหรันว่า: “วางใจได้ มู่หรงฉางเฟิงไม่กล้าส่งน้องสาวของคุณไปที่สังคมอิทธิพลมืดของสโมสรเจียงหนานหรอก เขาไม่กล้าหรอก สังคมอิทธิพลมืดของสโมสรเจียงหนาน เพิ่งมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เขาต้องการจะปกปิดมันด้วยซ้ำ ไม่กล้าก่อเรื่องเพิ่มอีกหรอก”
เวลานี้ ข้างนอกไม่ว่าจะเป็นตระกูลลู่ หรือสี่ตระกูลใหญ่ ล้วนกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือท่านลู่
และเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าที่อยู่ชั้น-3และชั้น-4 พวกเขาพยายามปกปิดเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด เพระกลัวว่าพวกเขารู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับชั้นบนแล้ว
ลูกค้าที่อยู่ชั้น-1และชั้น-2 ตอนนี้สี่ตระกูลใหญ่ น่าจะอยู่ระหว่างปรอบใจพวกเขาอยู่
ตอนนี้ ถึงแม้จะยืมความกล้าให้มู่หรงฉางเฟิง คิดว่าเขาก็คงจะไม่กล้าส่งฉินวี่เฟยไปที่นั่นหรอก
มู่หรงฉางเฟิงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝางกับฉินวี่เฟย ถ้าส่งฉินวี่เฟยเข้าไปที่นั่น ไม่ว่าด้วยวิธีใดตระกูลหลี่ต้องบุกเข้าไปช่วยเหลือแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น ลูกค้าที่นั่น ก็จะตำหนิตระกูลมู่หรงฉางเฟิงได้
เวลานี้ภายในบ้าน มืดสนิท มูหร่งฉางเฟิงอยากหาไฟ แต่ก็หาไม่เจอ
โหจื่อเดินไปมาบนกำแพง โดยแทบจะไม่หายใจเลยเป็นเวลานาน มู่หรงฉางเฟิงไม่พบร่องรอยของโหจื่อเลย หลายครั้งที่ถูกโหจื่อข่วน
หลายนาทีผ่านไป ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงถูกข่วนเต็มไปด้วยเลือด
เสื้อผ้าบนร่างกาย ถูกข่วนจนเป็นรูไปหลายที่ จนกลายเป็นเสื้อผ้าของขอทานไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง