“ตงฟางหวั่นเอ๋อ?”
โหจื่อบ่นพึมพำสองสามคำ หันไปมองมู่หรงฉางเฟิง แล้วถามออกมาว่า: “ตระกูลตงฟาง นายรู้จักใคร?หรืออีกอย่าง คนของตระกูลตงฟางที่ไม่เปิดเผยตัว นายรู้จักกี่คน?”
“ไม่รู้จักสักคน” มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัว
โหจื่นหยิบปืนออกมาทันที แล้วเล็งปืนไปที่ศีรษะของมู่หรงฉางเฟิง: “พวกนายล้วนเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ นายกลับบอกฉัน ว่านายไม่รู้จักคนของตระกูลตงฟางเหรอ?”
“นายอย่ามาโกหกฉัน?” โหจื่อไม่เชื่อคำพูดของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงเกือบจะร้องไห้ออกมา: “ฉันไม่รู้จักจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ยี่สิบกว่าปีนี้ เคยเห็นคนของตระกูลตงฟางแค่ไม่กี่คนเอง พวกเขาลึกลับกว่าตระกูลอื่น อีกอย่างฐานะพวกเขา เมื่อเทียบกับอีกสามตระกูลแล้ว พวกเขาสูงส่งกว่าเยอะมาก”
“อีกอย่างเวลาที่พวกเขาออกมา ทุกคนต่างสวมใส่หน้ากากไว้ หรือบางที ก็หาหุ่นเชิดมาเจอพวกเรา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเคยหาคนติดตามหุ่นเชิดคนนั้น ผ่านไปไม่กี่วันหุ่นเชิดคนนั้น กลับตายไปแล้ว
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนที่ฉันส่งไปติดตามนั้น หลังจากนั้นไม่กี่วัน เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน”
“ฉันเคยได้รับคำเตือนจากคุณปู่ของฉัน”
“คนของตระกูลตงฟาง ค่อนข้างลึกลับ” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมา
โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง ถามต่อไปอีกว่า: “ในเมื่อตระกูลตงฟางลึกลับขนาดนี้ ฉันขอถามหน่อย แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฟีนิกซ์ก็คือตงฟางหวั่นเอ๋อ
“ฟีนิกซ์ คือคนเดียวที่เปิดเผยตัวตน ถึงตอนนี้”
“แม้แต่ปู่ของฉัน ก็ยังต้องเคารพเธอ การปฏิบัติการครั้งนี้ สาเหตุที่เชิญเธอมาได้ หนึ่งคือคุณปู่เป็นคนแนะนำ สองคือเธอมาด้วยความสมัครใจ เธอบอกว่า ครั้งนี้เธอสามารถเจอศิษย์น้องของเธอ น่าจะเป็นนายสิ?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เธอช่างฉลาดเหลือเกิน” โหจื่อยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย
ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายของหลี่ฝาง มีคนเก่งไม่กี่คน ความจริงแล้ว การที่ตงฟางหวั่นเอ๋อเดาว่าครั้งนี้คนที่มาจะเป็นโหจื่อ ก็ไม่น่าแปลกใจ
“ฉันได้บอกความลับสุดยอดนี้ให้กับนายแล้ว ตอนนี้ ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?” มองไปที่โหจื่อ มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างระวัง
ณ เวลานี้ ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เต็มไปด้วยความกลัว
บางที มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้กลัวโหจื่อ แต่ความกลัวนั้นมาจากก้นบึ้งในใจของเขาเสียมากกว่า
เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ เขากลัวฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ตงฟางเอ๋อจะรู้ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องตายแน่ๆ
โห่จื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิง พยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “พาฉินวี่เฟยส่งไปที่รีสอร์ตของพวกเรา จากนั้น นายก็กลับไปได้”
“อะไรนะ?เมื่อกี้นายไม่ใช่พูดว่า ฉินวี่เฟยถูกคนของพวกนายช่วยเหลือออกไปแล้ว?” มู่หรงฉางเฟิงถลึงตาโตออกมา มองไปที่โหจื่ออย่างพูดไม่ออก
“แน่นอนฉันหลอกนาย นายคิดดูนายโตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไร้เดียงสาขนาดนี้อีก พวกเราออกมาอย่างเร่งรีบ จะไปเตรียมคนมากมายขนาดนั้นได้ยังไง นายไม่รู้จักใช้โทรศัพท์เช็กดูก่อนเหรอ จากนั้นค่อยเชื่อคำพูดของฉัน?” โหจื่อหันไปมองมู่หรงฉางเฟิงทำท่ามองบนใส่เขา แล้วพูดขึ้นว่า: “เห้อ ช่างน่าสงสาร คุณชายของสี่ตระกูลใหญ่ โง่จริงๆ เลย”
“ก็ยุติธรรมอยู่แล้วหนิ่ เมื่อกี้นายก็โกหกพวกฉัน ไม่ใช่เหรอ?อะไรตีสี่ไม่ปล่อยตัวกลับไป คนของนายก็จะฆ่าฉินวี่เฟย เคอๆ”
โหจื่อพูดเยอะเย้ยออกมา
“ฉันกับลูกน้องของฉัน มีคำมั่นสัญญานี้อยู่จริง ถ้าฉันไม่กลับไป ให้พวกเขาฆ่าฉินวี่เฟยได้เลย แต่ว่าเวลาไม่ใช่ตีสี่ แต่เป็นก่อนสว่าง” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างซึมเศร้า จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา
ตอนที่จะโทรศัพท์นั้น มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อถามออกมายังเป็นกังวลว่า: “ครั้งนี้ นายคงไม่ได้หลอกฉันอีกหรอกนะ?”
“ถ้าหากฉันส่งฉินวี่เฟยไปถึงรีสอร์ต แล้วนายไม่ปล่อยฉันจะทำยังไง?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมาอย่างกังวลใจ
“เคอๆ นายคิดว่า ตอนนี้นายสำหรับฉันแล้ว ยังมีคุณค่าอะไรอีกเหรอ?” โหจื่อส่ายหัว มองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ความจริงแล้ว นายอยู่ในใจฉัน ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าฉันจะฆ่านาย มันง่ายนิดเดียว”
“แต่ฉันแค่ไม่อยากทำเท่านั้นเอง”
“ฉันเป็นศิษย์น้องของฟีนิกซ์ ฝีมือการยิงปืนฉันกับของฟีนิกซ์ เสมอเท่าเทียมกัน นายกลัวกระสุนของฟีนิกซ์ แล้วนายไม่กลัวของฉันหรือไง?” โหจื่อถามออกมา
มู่หรงฉางเฟิงกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี
จะตอบโต้ก็ตอบโต้ไม่ไหว ตัวเองจะพูดอะไรได้อีก?
มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่โหจื่อ แล้วพูดออกมาว่า: “หวังว่านายจะรักษาคำพูด”
มูหรงฉางเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาลูกน้องของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า: “ส่งฉินวี่เฟยไปที่หน้าประตูรีสอร์ต
พูดจบ มู่หรงฉางเฟิงวางสายลง
“ได้ละ นายกลับไปเถอะ” โหจื่อพูดกับมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงตาสว่างขึ้นทันที มองไปที่โหจื่อ ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“เช็คเงินสดในมือของนาย ทิ้งไว้” โหจื่อพูดเทริมออกมา
เมื่อมู่หรงฉางเฟิงไดยินคำนี้ รีบวางเช็คเงินสดไว้บนพื้นทันที จากนั้นรีบออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฝางหันไปมองโหจื่อ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉินวี่เฟยยังไม่ถูกส่งไปถึงรีสอร์ตเลย นายปล่อยเขาไปอย่างนี้ ถ้าเกิดเขาเปลี่ยนใจทำไง?”
“วางใจได้ เขาไม่กล้าหรอก”
โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “เขาทรยศตงฟางหวั่นเอ๋อ และแน่นอนเขาต้องกลัวฉันจะทรยศเขาเช่นกัน”
“อีกอย่าง นายคิดว่าเขากล้าล้อฉันเล่นเหรอ?” โหจื่อส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา เดินไปหาเจ้าของร้าน ยื่นเช็คเงินสดที่อยู่ในมือ ให้กับเจ้าของร้าน
“นี่เป็นค่าอาหารของคืนนี้ อีกอย่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ถือว่านายดูละครทีวีก็แล้วกัน และห้ามไปพูดเรื่องนี้กับคนอื่น เข้าใจไหม?”
โหจื่อมองไปที่เจ้าของร้านแล้วพูดขึ้นว่า: “หนึ่งล้านหยวนเป็นค่าปิดปาก ถือว่าเป็นกำไรของนาย”
ตอนที่เจ้าของร้านรับเช็คเงินสดไปนั้น มือเริ่มสั่นขึ้นมา เพราะเขารู้สึกตื่นเต้น มองไปที่โหจื่อ เกือบจะคุกเข่าลงไปเลย
หนึ่งล้านหยวน
เขาเปิดร้านคาราโอเกะนี้ ทั้งชีวิต ก็คงจะหาเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ได้ แต่โหจื่อแค่นี้ก็ให้เขาหนึ่งล้านหยวน
“เมื่อมีหนึ่งล้านหยวนนี้แล้ว ฉันก็สามารถแต่งงานได้แล้ว”
เจ้าของร้านตื่นเต้นจนน้ำตาเอ่อล้นออกมา ส่วนหลี่ฝางกับโหจื่อ เดินออกไปจากร้านคาราโอเกะ และขึ้นรถตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง