NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง นิยาย บท 752

หลี่ฝางมองท่านจวน ด้วยใบหน้าที่สงบและแฝงไปด้วยความโกรธ “ที่แท้นี้คือเป้าหมายที่แท้จริงของแกเองเหรอ ที่แท้ แกกับคนของสี่ตระกูลใหญ่ ได้ร่วมมือกันแล้วจริงๆ ร่วมมือกันทำแผนชั่วๆ แล้วร่วมหัวกันต่อกรกับพ่อของฉัน”

“ท่านจวน แกช่างเป็นคนที่ไร้หัวใจซะจริงๆ แกลืมไปแล้วรึไง หลายปีที่แล้วพ่อฉันยึดพื้นที่ให้แกยังไง? ถ้าเกิดไม่มีพ่อของฉัน แกจะมีจุดยืนที่สุขสบายอย่างทุกวันนี้เหรอ?”

หลี่ฝางจ้องมองท่านจวนที่ไม่รู้จักบุญคุณคนนี้ จากนั้นก็เผยความรังเกียจด้วยท่าทีที่ดุร้าย

ส่วนท่านจวนก็ยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจอะไร “มนุษย์เราเพื่อเงินแล้วสามารถละทิ้งชีวิตของตัวเองได้ก็เหมือนกับนกที่ยอมตายเพื่ออาหารของตัวเอง นี่เป็นเหตุผลที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆตั้งแต่สมัยโบราณที่ถูกเขียนอยู่ในประวัติศาสตร์แล้ว ฉันไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม และก็ไม่เชื่อใจคนอื่น ฉันคนนี้ เป็นคนเข้าใจไม่ยาก เป็นแค่คนง่ายๆที่เชื่อในอำนาจและเงินทอง”

“ก่อนหน้านี้ พ่อแกได้นำอำนาจและเงินทองมาให้กับฉันอย่างใหญ่หลวงจริงๆนั่นแหละ แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถให้ฉันได้แล้ว ไม่เพียงแค่ไม่สามารถทำกำไรให้กับฉันได้ ตรงกันข้าม เขายังเป็นศัตรูกับฉันอีก ถ้าเกิดเขากลับมา ฉันคงกินข้าวไม่อิ่ม อีกอย่างความคิดของพวกเราก็ไม่เหมือนกัน เขาจะต้องเป็นศัตรูกับฉันอย่างแน่นอน เพราะงั้น คนแบบนี้ ทำไมฉันต้องยอมให้เขากลับมาด้วยล่ะ? ถ้าเกิดเขาตายอยู่ข้างนอก สำหรับฉันแล้ว มันดีกว่าไม่ใช่รึไง?”

ท่านจวนหัวเราะ “ส่วนเรื่องสี่ตระกูลใหญ่ พวกเราได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว ตระกูลจูเก่อที่ถูกพวกแกจัดการไป ฉันจะเข้าไปแทนที่เอง”

หลี่ฝางส่ายหัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “เสียแรงที่พ่อฉันเชื่อใจแกขนาดนั้น ต่อให้ตอนนั้นแกทิ้งเขา เขาก็ยังไม่เคียดแค้นแก”

ท่านจวนหัวเราะ แล้วพูดว่า “ให้ความสำคัญกับมิตรภาพจนเกินไป เดิมที่ก็เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหลอซ่า”

ตอนนี้ หลี่ฝางเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้ว

ตอนนี้ ความโลภของท่านจวน ได้เผยออกมาให้เห็นจนหมดเปลือกแล้ว แล้วจะไปเปลืองน้ำลายกับเขาทำไม

การต่อสู้ของโหจื่อและฟีนิกซ์ ยังคงดำเนินต่อไป

บางทีอาจจะเพราะความได้เปรียบของผู้ชาย ทางด้านฟีนิกซ์ จึงค่อยๆเผยความเหนื่อยล้าออกมา

ท่านจวนถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “เฮ้ย ถ้ารู้แต่แรก น่าจะวางยาลงไปในอาหารก็คงจะดี”

เรี่ยวแรงของฟีนิกซ์ ดูออกอย่างชัดเจนว่าทนได้ไม่นานแล้ว

ถ้าเกิดยังสู้ต่อไป จะต้องพ่ายแพ้อย่างเน่นอน

และการต่อสู้ของยอดฝีมือ สิ่งที่ใช้ชี้วัด ล้วนเป็นแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น

และกระบวนท่าเดียวนี้ ก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตของฟีนิกซ์แล้ว

ฐานะที่แท้จริงของฟีนิกซ์ ก็คือตงฟางหวั่นเอ๋อ หรือก็คือมีตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุด ในหมู่สี่ตระกูลใหญ่ และเป็นตระกูลที่ลึกลับที่สุด

ส่วนทางด้านท่านจวนถ้าคิดจะแทนที่ตระกูลจูเก่อ แล้วเข้าไปแทนที่สี่ตระกูลใหญ่ เกรงว่า ก็ยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลตงฟาง

เพราะงั้น ฟีนิกซ์จะเป็นอะไรไปไม่ได้ ท่านจวนไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้

ท่านจวนตบมือ แล้วพูดว่า “ฟีนิกซ์ ไม่ต้องสู้แล้ว”

“พักสักหน่อยเถอะ” พอท่านจวนพูดจบ ข้างนอกห้อง ก็มีคนบุกเข้ามากลุ่มนึง

และคนพวกนี้ บนมือของทุกคนล้วนถือกระบอง ไว้ทรงหัวล้าน ครึ่งบนของพวกเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า ได้เผยผิวสีคล้ำออกมา

“พระอรหันต์สิบแปดคน?”

โหจื่อทำหน้าเครียด ภายในใจจู่ๆก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา

ท่านจวนหัวเราะ มองไปยังโหจื่อแล้วพูดว่า “รู้เยอะเหมือนกันน่ะ ฉันเสียแรงไปเยอะ กว่าจะเชิญออกมาจากฝั่งใต้ได้ เป้าหมายก็เพื่อที่จะต่อกรกับซือปาจี้ของหลอซ่า ดูเหมือนว่าตอนนี้ คงต้องเอามาต่อกรกับแกก่อนแล้ว”

“แค่พวกเขา ก็คิดที่จะต่อกรกับซือปาจี้งั้นเหรอ? แกล้อเล่นรึไง? นี่มันก็เหมือนกับเป็นกระสอบทรายของซือปาจี้ไม่ใช่รึไง?” โหจื่อส่ายหัวอย่างดูถูก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

และพระอรหันต์สิบแปดคน หลังจากที่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของโหจื่อ ต่างก็เผยความโกรธออกมาเล็กน้อย ไม่รอให้ท่านจวนออกคำสั่ง พระอรหันต์สิบแปดคนนี้ก็ลงมือพร้อมกัน โดยมีเป้าหมายก็คือโหจื่อ

เพียงพริบตาเดียวโหจื่อก็เหมือนกับคนไร้เรี่ยวแรง หยิบผ้าขาวออกมาจากอกเสื้อของตัวเอง โบกมือออกไปทางท้องฟ้าแล้วพูดว่า “หยุดสู้ได้แล้ว ฉันขอยอมแพ้”

“ฉันสู้พวกแกที่มีคนขนาดนี้ไม่ไหว เมื่อกี้เพิ่งสู้กับฟีนิกซ์มา ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

“พวกแกมีคนเยอะขนาดนี้ เรื่องหมาหมู่ก็ช่างเถอะ แถมยังฉวยอากาศที่ฉันไม่มีแรงอีก ช่างเป็นพวกที่หน้าด้านหน้าทนซะจริงๆ ช่างเถอะ ช่างเถอะ อยากจะฆ่าหรือทำอะไร ก็แล้วแต่พวกแกเลย” โหจื่อพูดด้วยใบหน้าที่ไม่แคร์อะไร

ส่วนทางด้านท่านจวนในเวลานี้ก็เปิดปากพูดออกมาด้วยความเย็นชาว่า “อย่าไปสนใจคนไร้ยางอายคนนี้ ตีมันให้ตายไปเลย”

หลี่ฝางในเวลานี้ก็ร้อนรนขึ้นมา “โหจื่อ ไม่ต้องสนใจฉัน หยิบปืนของแกออกมา แล้วยิงพวกเขาทิ้งไปให้หมด”

โหจื่อหัวเราะออกมา “ล้อเล่นรึเปล่า ข้างในห้องนี้เต็มไปด้วยแก๊ส อย่าว่าแต่ยิงปืนเลย ขอแค่มีสะเก็ดไฟเล็กๆ ก็สามารถทำให้เกิดระเบิดได้ทั้งนั้น เพราะงั้นถ้าเกิดวินาทีที่กระสุนของฉันถูกยิงออกไป คนที่เสียชีวิตคนแรก จะต้องเป็นฉันอย่างแน่นอน”

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ฉันเองก็เหนื่อยแล้ว ให้พวกเขาตีฉันตายไปเถอะ”

โหจื่อพูดจบด้วยท่าทางที่ไม่แคร์อะไร นอนลงไปกองกับพื้น เอาขาข้างนึงไขว้กับอีกข้างแล้วพูดว่า “ตีเลย ตีเลย”

“ไอ้พวกหน้าด้านหน้าทน”

โหจื่อที่เพิ่งพูดจบประโยค ในตอนที่พวกพระอรหันต์สิบแปดคนกำลังจะลงมือ เงาหุ่นสวยๆนึง ก็บุกเข้ามาจากข้างนอกห้อง

คนๆนี้เคลื่อนไหวได้เร็วมาก เร็วจนบางทีสายตาของคนยังตามเงาของเธอไม่ทัน

โหจื่อผิดหวังเล็กน้อย มองเธอด้วยหางตา “ทำไมเธอถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้ ถ้าเกิดเธอมาช้ากว่านี้สักนาทีเดียว ฉันก็คงใกล้จะถูกตีจนตายไปแล้ว”

หลังจากที่แม่มดเผยตัวออกมา ก็ได้บีบคอหอยของพระอรหันต์ทิ้งไปสองคนทันที

ท่านจวนพอเห็นการปรากฏตัวของแม่มด จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไปแป๊บนึง แต่ต่อมาก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม “มาหาที่ตายอีกคนแล้ว ฉันไม่เชื่อว่า แกจะสามารถเอาชนะพระอรหันต์สิบแปดคนไปได้”

“ไอ้ตาเฒ่า แกลองนับดูดีๆ ตอนนี้เหลือแค่สิบหกคนแล้ว ไปเอามาจากไหนสิบแปดคน”

โหจื่อมองท่านจวนด้วยหางตา แล้วพูดว่า “คณิตศาสตร์ของแก ครูพละเป็นคนสอนรึไง อย่างกับคนปัญญาอ่อน ต่อให้เป็นเด็กสามขวบ ก็อย่างนับได้ดีกว่าแกเลย”

“ไม่ว่าจะกี่สิบคน ต่อให้พวกแกจะสามารถเอาชนะพระอรหันต์พวกนี้ไปได้ พวกแกก็ยังไม่สามารถหนีออกไปได้เหมือนเดิม วิลล่าจูเซียนของฉัน มีบอดี้การ์ดของฉันค่อยเฝ้าอยู่”

ท่านจวนพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “ไม่ว่าพวกแกจะมาสักกี่คน ก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้”

“ใช่เหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง