การคุกเข่าของฟีนิกซ์ในครั้งนี้ ไม่มีการยืนขึ้นอีกแล้ว
เลือดสดๆไหลออกมาเรื่อยๆ ถ้าเกิดตรวจสอบดีๆก็จะพบว่า พื้นแข็งๆแห่งนี้ มีรอยแตกปรากฏออกมา
ฟีนิกซ์ใช้การตายของตัวเองเพื่อขอโทษเมี๋ยวชุ่ย เพียงแต่ว่าใบหน้าของเมี๋ยวชุ่ย กลับไม่มีสีหน้าที่แสดงออกว่าให้อภัยเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของท่านจวน ดูแย่เป็นอย่างมาก......
ฟีนิกซ์ตายในวิลล่าจูเซียนของเขา การตายของฟีนิกซ์ เขาจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลตงฟางจะต้องเอาความโกรธมาลงที่ท่านจวนอย่างแน่นอน......
“ตายแล้ว?”
ท่านจวนกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน แล้วอุ้มฟีนิกซ์ขึ้นมา
ฟีนิกซ์ในตอนนี้ ไม่มีลมหายใจอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
บนพื้นไม่เพียงแค่ถูกฟีนิกซ์เอาหัวโขกจนเกิดรอยแตกออกมา มันอย่างเต็มไปด้วยคราบเลือด
“ทำไมแบบนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”
เมี๋ยวชุ่ยถอนหายใจ แล้วหันหน้าไปอีกทาง ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เมื่อฟีนิกซ์ตายแล้ว คนของตระกูลตงฟาง จะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆอย่างแน่นอน
เมี๋ยวชุ่ยเดินมาอยู่ตรงหน้าหบี่ฝาง “มาให้แม่ดูหน้าลูกชัดๆสิ”
“แม่ แม่พูดแบบนี้หมายความว่าไง” หลี่ฝางยิ้มแห้งๆแล้วพูดว่า “ทำอย่างกับว่าต่อไปจะไม่ได้เจอกันแล้วยังไงยังงั้น”
หลี่ฝางรู้สึกว่าคำพูดนี้ของแม่ตัวเอง แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ทำไมมันถึงดูเหมือนกับว่ากำลังบอกลาตัวเองล่ะ?
ทันใดนั้น หลี่ฝางก็ทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังแม่ของตัวเอง พูดออกมาด้วยจิตใจที่ไม่สงบว่า “แม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่รึเปล่า?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น”
เมี๋ยวชุ่ยปลอบหลี่ฝาง แต่ความไม่สบายใจของหลี่ฝาง ก็ยังหนักอึ้งเหมือนเดิมรอบข้าง
โหจื่อ แม่มด และชายชุดดำสองคน ได้เข้าสู่การตีตอบโต้กลับพระอรหันต์ทั้งสิบแปดคน
โดยเฉพาะโหจื่อ หลังจากที่ได้กลืนยาลงไป ก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หลี่ฝางมองดูความดุร้ายของโหจื่อ ถามเพื่อเปลี่ยนหัวข้อคุยว่า “แม่ เมื่อกี้ที่โหจื่อดื่มมันคืออะไรกันเหรอ? ผมขอสักขวดได้ไหม?”
“เป็นยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้ ช่วงระยะเวลาสั่นๆมันสามารถช่วยให้ร่างกายของแกเข้าสู่สภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่หลังจากที่ยาหมดฤทธิ์ ทั้งร่างจะเข้าสู่สภาวะที่เหนื่อยล้า ทุกอวัยวะของร่างกาย จะต้องเข้าสู่การพักผ่อน ไม่งั้นล่ะก็ ร่างกายจะต้องรับภาระอย่างหนัก ราวกับบาดเจ็บภายใน” พอเมี๋ยวชุ่ยพูดจบ ก็ลังเลไปพักนึง “ต้องลำบากเป็นอย่างมากกว่าจะผสมยาแบบนี้ออกมาได้ เพราะงั้นบนตัวของฉันเองก็มีไม่เยอะ”
“แกเก็บเอาไว้ป้องกันตัวเองก็ดีเหมือนกัน ถ้าเกิดเจอกับสถานการณ์ที่มันอันตรายจริงๆ ก็กลืนมันลงไป แต่แกต้องจำเอาไว้ให้ดีๆ ภายในครึ่งชั่วโมง จะต้องหนีออกมาจากอันตรายให้ได้ แล้วต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ร่างกายค่อยๆเข้าสู่สภาวะปรกติ แล้วค่อยเคลื่อนไหวอีกที” เมี๋ยวชุ่ยพูดเตือนหลี่ฝาง
พอเมี๋ยวชุ่ยพูดจบ ก็พุ่งตัวเข้าไปยังกลางวงข้างใน เป็นตัวนำพวกโหจื่อ แล้วฆ่าพวก พระอรหันต์สิบกว่าคนจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
เอาตรงๆ สถานการณ์แบบนี้ หลี่ฝางเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง
หลี่ฝางเองก็เคยเห็นการฆ่าคนมาแล้ว แต่เหมือนกับแบบนี้ที่ไม่คิดจะไว้ชีวิตใครสักคน หลี่ฝางกลับรู้สึกว่ายากที่จะยอมรับเรื่องแบบนี้
ไม่ว่าจะยังไง ชีวิตสิบกว่าคน ก็จบลงไปแบบนี้แล้ว
แต่สำหรับเมี๋ยวชุ่ยและพวกโหจื่อแล้ว ดูราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
พอฆ่าพวกพระอรหันต์พวกนี้จนหมดแล้ว เมี๋ยวชุ่ยก็มองไปยังท่านจวน แล้วพูดว่า “กรงเล็บของแก ถูกฉันถอนออกจนหมดแล้ว บอดี้การ์ดของแก ตอนนี้ก็มีสภาพเดียวกันกับพวกพระอรหันต์”
ความจริงท่านจวนเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว สู้กันนานขนาดนี้ บอดี้การ์ดของเขา ก็ยังไม่มีใครเข้ามา ดูเหมือนว่า น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับ บอดี้การ์ดของเขา
ท่านจวนราวกับไม่ได้ยิน ดูเหมือนว่า เขายังยึดติดอยู่กับ การตายของตงฟางหวั่นเอ๋ออยู่
หลี่ฝางลุกขึ้นมา แล้วเดินตามโหจื่อ ออกมาจากวิลล่าจูเซียน
ข้างนอกวิลล่าจูเซียน มีชายชุดดำหลายคน ยืนเรียงกันอยู่
และวิลล่าจูเซียนแห่งนี้ไม่ว่าที่ไหน ก็เห็นแต่ศพนอนกองอยู่บนพื้น ต่อให้มีบางคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวได้แล้ว
หลี่ฝางกลับไม่เห็นผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกับไอ้เด็กซน รถของพวกเขาที่จอดอยู่ข้างนอกวิลล่าจูเซียน เองก็หายไปแล้ว
ดูเหมือนว่า จะหนีไปแล้ว
เวลานี้ ก็มีเครื่องบินส่วนตัว ปรากฏออกมากลางอากาศ
หลังจากที่ค่อยๆจอดลงมา เมี๋ยวชุ่ยมองหลี่ฝางอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วพูดว่า “ลูก แม่ต้องไปแล้ว”
หลี่ฝางรู้ดีว่าแม่ของตัวเองกำลังจะไปที่ไหน เพราะงั้นจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
และหลี่ฝางเองก็เข้าใจดีว่าที่ๆกำลังจะไปมันอันตรายขนาดไหน ตอนแรกหลี่ฝางกะจะเปิดปากห้าม แต่ว่าพอลมถึงคอ ก็กลืนกลับไป หลี่ฝางเข้าใจเป็นอย่างดี แม่ของตัวเอง เมื่อตัดสินใจที่จะทำแล้ว ต่อให้ตัวเองจะพูดยังไง ก็คงทำอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง