“ฉันไม่อยากจะฟังเสียงโอดครวญของแก ก็ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของแกด้วย ตกลงหรือไม่ตกลง?” หลี่ฝางพูดอย่างรำคาญใจ
มู่เสี่ยวไป๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ใช่เจ้านายใหญ่ของตระกูลมู่ ปู่ฉันตากหากที่เป็น เรื่องนี้ฉันจะต้องโทรศัพท์ไปถามปู่ฉันก่อน”
“ฮ่าๆ งั้นแกก็รีบถามตอนนี้เลย”
หลี่ฝางพูดจบ มู่เสี่ยวไป๋ก็เอามือถือออกมา กดหมายเลขโทรศัพท์ของปูตัวเอง
หลังจากที่โทรศัพท์ติดต่อได้แล้ว หลี่ฝางไม่ได้ให้มู่เสี่ยวไป๋พูดคุยเอง แต่กลับแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดกับมู่เจิ้งถังด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “นายท่านมู่ สวัสดีครับ”
“ไม่ทราบว่าบาดแผลที่ถูกยิงตรงหน้าอก รักษาไปถึงไหนแล้วครับ?” หลี่ฝางพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
น้ำเสียงของมู่เจิ้งถัง เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและตกใจทันที “แกคือหลี่ฝางเหรอ?”
“ไม่ผิดหรอก ฉันเอง” หลี่ฝางพูดพลางพยักหน้า
“มือถือของหลานฉัน ทำไมไปอยู่ในมือแกได้?” มู่เจิ้งถังถามอย่างตื่นตระหนกตกใจ
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ไม่เพียงแต่โทรศัพท์มือถือของหลานชายคุณอยู่ในมือฉันแล้ว ชีวิตของหลานชายคุณก็ยังอยู่ในกำมือของฉันด้วย เดิมทีฉันก็ว่าจะให้เขาไปอย่างสงบ แต่ว่า มู่เสี่ยวไป๋กลับขอให้ฉันไว้ชีวิตเขา ดังนั้นฉันจึงเสนอข้อตกลงให้เขาหลายข้อ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือจะให้ตระกูลมู่ ต้องมาทำงานให้กับตระกูลหลี่ มู่เสี่ยวไป๋บอกว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ ให้ฉันมาถามความเห็นของคุณก่อน ไม่ทราบว่าความเห็นของท่านเป็นอย่างไรครับ?”
หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณสามารถที่จะปฏิเสธได้ ฉันก็หวังว่าคุณจะปฏิเสธฉัน อย่างน้อย ฉันก็ยังอยากจะฆ่าหลานชายของท่าน มู่เสี่ยวไป๋นะ”
หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบแล้ว มู่เจิ้งถังทางนั้นก็เงียบสงบลง หลี่ฝางพูดอย่างรำคาญว่า “ฉันจะให้เวลาคุณเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น”
หลี่ฝางไม่ได้ให้เวลามู่เจิ้งถังไตร่ตรองมากนัก หลังจากนั้น หลี่ฝางก็เริ่มนับเวลาถอยหลัง เมื่อนับถอยหลังเสร็จแล้ว หลี่ฝางก็พูดกับมู่เจิ้งถังว่า “คุณยังไม่ตอบเลย ก็แสดงว่าปฏิเสธแล้วใช่ไหม? ดังนั้น ตอนนี้ฉันก็จะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ได้แล้วนะ”
“ปู่ครับ อย่านะครับปู่” ในเวลานี้เองมู่เสี่ยวไป๋ก็รีบตะโกนร้องขึ้นมา ส่วนมู่เจิ้งถังก็ส่งเสียงอย่างเร่งรีบเข้ามาว่า “คุณชายหลี่ ฉันตกลงตามนั้นแล้วกัน”
“ฉันมีหลานชายอยู่แค่สองคน คนหนึ่งก็พิการไปแล้ว ไม่สามารถสืบสกุลต่อไปได้ ส่วนตอนนี้ก็เหลือแค่เสี่ยวไป๋ ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับเขาแล้ว ตระกูลมู่ของพวกเรา ก็คงจบสิ้น ทุกอย่างไม่เหลืออะไรอีกเลย ดังนั้น ขอเพียงแต่ให้มู่เสี่ยวไป๋มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย คุณจะให้ตระกูลมู่พวกฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
มู่เจิ้งถังพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
หลี่ฝางหัวเราะ มองดูมู่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ปู่แกก็รักแกมากเหมือนกันนะ”
หลังจากที่หลี่ฝางวางโทรศัพท์แล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็ถามอย่างหมดเรี่ยวแรงว่า “คุณชายหลี่ ช่วยบอกข้อตกลงข้อที่ 3 ของท่านด้วย”
หลี่ฝางหัวเราะ ชี้ไปยังชางสู่ แล้วพูดว่า “ฉันต้องการคนคนหนึ่ง นั่นก็คือเขา”
มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว หลี่ฝางก็พูดต่อไปว่า “เขาฆ่าคนของเฉินฝูเซิง ส่วนฉันก็ตกลงกับเฉินฝูเซิงแล้วว่า จะช่วยแก้แค้นให้กับพี่น้องของเขา”
“ได้” มู่เสี่ยวไป๋ตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ในสายตาของมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับชีวิตตัวเขาเองอีกแล้ว ชางสู่คนนี้เป็นแค่คนรับใช้คนหนึ่ง จะมีความสำคัญอะไรกันเล่า?
ชางสู่แสยะยิ้ม มองหน้ามู่เสี่ยวไป๋ สายตาแสดงออกถึงความชั่วร้าย “มีลูกพี่อย่างแก เป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา และเสียใจที่สุดในชั่วชีวิตของฉันชางสู่แล้ว”
หลังจากนั้น ชางสู่ก็มองดูหลี่ฝางแล้วพูดว่า “ชีวิตของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ แกอยากได้ชีวิตฉัน ก็ต้องถามความเห็นชอบจากฉันก่อน”
ชางสู่พูดพลางชักปืนออกมา เล็งไปยังหลี่ฝาง “แกคิดจะฆ่าฉัน ก็ต้องถามปืนในมือฉันก่อนว่าเห็นด้วยหรือเปล่า?”
ส่วนลูกน้องของชางสู่ ก็รีบชักปืนออกมาทันที เล็งไปยังศีรษะของหลี่ฝาง
“คุณชายหลี่ คุณอยากจะให้พวกเรากอดคอตายพร้อมกันหมดไหมล่ะ? ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ยังไงฉันก็เป็นแค่พวกเดนตายที่พเนจรไปทั่วยุทธภพเท่านั้นเอง แต่ว่าคุณไม่เหมือนกัน คุณคือคุณชายหลี่ คุณชายหลี่ที่อยู่เหนือผู้คนนับหมื่นอยู่ใต้คนเพียงคนเดียวเช่นนี้ ได้ตายพร้อมกับคุณ ก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเราแล้ว”
ชางสู่พูดอย่างเหยียดหยาม ใบหน้าไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวอะไรเลย แต่กลับรู้สึกมีความโชคดีเล็กน้อย
ส่วนมือทั้งสองข้างของโหจื่อ ก็ชักปืนออกมา2กระบอก พวกถังหยู่ซวน ต่างก็ชักปืนออกมา เช่นกัน
“ฉันรู้ว่าแกกับมู่เสี่ยวไป๋ไม่เหมือนกันเลย แกไม่กลัวตาย” หลี่ฝางมองหน้าชางสู่ แล้วยิ้มเล็กน้อย “ดังนั้น แกไปเถอะ”
“จำไว้นะ ไปแล้ว อย่ากลับมาที่นี่อีก” หลี่ฝางมองหน้าชางสู่ แล้วพูดว่า “ฉันก็เคย
รับปากกับหวางเห้าแล้วว่า จะไม่ฆ่าแก”
“นึกไม่ถึงเลยว่า พี่น้องฉันหวางเห้าจะหน้าใหญ่ถึงขนาดนี้เชียว”
ชางสู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ยอมรับความหวังดีแม้แต่นิดเดียว “แต่ว่า ต่อให้ไม่มีหวางเห้า แกก็ไม่กล้าฆ่าฉันหรอก?”
ชางสู่ถือว่ามีปืนอยู่ในมือ จึงรู้สึกไม่หวั่นเกรงอะไรเลย
คนของพวกชางสู่นั้น ล้วนเป็นพวกเดนตายทั้งนั้น ถึงแม้จะกลัวตาย แต่ก็ไม่อ่อนแอเหมือนกับมู่เสี่ยวไป๋เช่นนี้
ขอแค่ยังมีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเขาก็จะรีบไปแย่งชิงมาอย่างไม่คิดชีวิต
ในมือของพวกเขามีปืน จึงไม่ยอมที่จะประนีประนอมด้วย อย่างมากก็แค่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ต่อสู้จนเลือดนองแผ่นดิน เรื่องราวเช่นนี้ ชางสู่ก็เคยทำมามากแล้ว ดังนั้น หลี่ฝางคิดจะเอาชีวิตมาล้อเล่นกับพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเอาเลย
หลี่ฝางส่งสัญญาณให้ซุนจิ้น แล้วพูดว่า “ปล่อยพวกเขาไป”
“เปิดเส้นทางให้พวกเขาเดินออกไปด้วย” หลี่ฝางพูด
ซุนจิ้นพยักหน้า แล้วรีบโบกมือ ให้ลูกน้องตัวเอง เปิดช่องทางให้เดินออกไป
ชางสู่มองหน้าหลี่ฝาง แล้วค่อยๆถอยหลังอย่างระมัดระวัง “พวกเราไป”
ชางสู่เริ่มค่อยๆเดินจากไป หลี่ฝางมองดูชางสู่ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หวังว่าแกคงเดินทางไปสู่ที่ชอบที่ชอบนะ”
รอให้คนพวกชางสู่ ขึ้นรถตัวเองไปแล้ว หลี่ฝางก็เอามือถือออกมา โทรศัพท์ไปให้เฉินฝูเซิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง