คำพูดของโหจื่อ ทำให้ใจของเฉินเสี่ยว สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ดูไปแล้ว โหจื่อก็กำลังจะถูกตัวเองฆ่าตายแล้ว แต่ว่า คนที่ความตายมาเยือนถึงที่อย่างโหจื่อนั้น ทำไมถึงพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ล่ะ?
เป็นการยอมรับโชคชะตาเหรอ? หรือว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่?
เฉินเสี่ยวมองดูท่าทีชอบกลของโหจื่อ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที และในเวลานี้เอง ในปากของโหจื่อก็คายบางสิ่งที่เหมือนถุงพลาสติกออกมา
“ถุงเลือด?”
เฉินเสี่ยวมองดูของที่อยู่บนพื้น เบิ่งตากลมโตขึ้นมาทันที
โหจื่อหัวเราะ ทันใดนั้นในมือก็มีมีดสั้นปรากฏขึ้น ในขณะที่เฉินเสี่ยวกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น มีดสั้นในมือโหจื่อก็ปาดออกไปทันควัน ถึงแม้เฉินเสี่ยวหลบพ้นไปได้หลายครั้งหลายหนก็ตาม แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ถูกมีดบาดเข้าคอหอยจนได้
เฉินเสี่ยวนึกไม่ถึงเลยว่า ความเร็วของโหจื่อนั้นจะไวถึงขั้นนี้แล้ว
อีกทั้ง มีดในมือของโหจื่อนั้น ราวกับลอยมาจากอากาศ
เลือดสาดกระจายแดงเต็มหน้าของโหจื่อ
เฉินเสี่ยวกดคอหอยของตัวเองไว้ทันที ส่วนใบหน้าของโหจื่อนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม “ทุกคนที่ออกมาหากิน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการรักษาคำพูด บอกแล้วว่าคนที่ตายต่อไปเป็นแก งั้นคนที่ฉันจะฆ่าเป็นคนต่อไป ก็คือแกแน่นอน”
“แก......แกเลวทรามต่ำช้ามาก” เฉินเสี่ยวพูดพลางมองดูโหจื่อด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง
ใครจะคิดว่า โหจื่อจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขั้นนี้เชียวเหรอ?
เมื่อกี้ตอนที่สู้กับจางหลงนั้น โหจื่อต่อสู้ด้วยความหนักแน่น ซ่อนเร้นพละกำลังของตัวเองไว้ รอให้จางหลงเผยจุดอ่อนออกมา จึงได้สังหารเขาภายในชั่ววินาที
แต่ว่า เฉินเสี่ยวคิดว่า เมื่อกี้โหจื่อก็ได้แสดงพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาจนหมดแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่า โหจื่อก็ยังคงแอบซ่อนพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่ รวมทั้งเมื่อครู่ที่ต่อสู้กับตัวเอง เขาก็ยังคงแอบซ่อนอยู่
วินาทีนี้ สีหน้าของเฉินเสี่ยว นอกจากไม่อยากจะเชื่อแล้วยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีก
ต่อให้ต่อสู้ด้วยความยุติธรรมก็ตาม เฉินเสี่ยวรู้สึกว่า ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจที่จะเอาชนะได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังตกหลุมพรางของโหจื่ออีกด้วย?
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โหจื่อได้ใส่ถุงเลือดไว้ในปากของตัวเอง
ถุงเลือดพวกนี้ ก็คือคนที่ถ่ายภาพยนตร์เหล่านั้น เมื่อถูกทำร้ายจนกระอักเลือด ในปากก็อมถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว
ใครจะไปคิดว่า ในปากของโหจื่อ ก็ได้แอบซ่อนถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว
นั่นมันเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ แต่นี่มันคือการต่อสู้กันที่แท้จริง
แม้กระทั่งหลี่ฝางก็ยังนึกไม่ถึง หลี่ฝางในขณะนี้ทั้งดีใจและโมโห ดีใจที่โหจื่อได้ชัยชนะ แต่โกรธที่โหจื่อไอ้หมอนี่ โกหกตัวเองอีกแล้ว
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้หลี่ฝางเป็นห่วงแทบตาย
โหจื่อแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันตัดเส้นเลือดใหญ่ของแกขาดแล้ว ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วล่ะ”
ตอนนี้ ในมือของเฉินเสี่ยวเต็มไปด้วยเลือด ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็ขาวซีดขึ้นมา
เลวทรามต่ำช้าเหรอ?
โหจื่อต่ำช้าจริงๆ วิธีสกปรกอะไรก็เกือบจะเอามาใช้จนหมดแล้ว
เฉินเสี่ยวและจางหลง ก็ล้วนตายในเงื้อมมือของโหจื่อ
นี่ทำให้สีหน้าของหม่าเฟิง โกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พี่น้องของเขาสามคน ตายไป
แล้วสองคน ความรู้สึกเหมือนสูญเสียญาติพี่น้องเช่นนี้ มากพอที่จะทำให้หม่าเฟิง เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาได้
หม่าเฟิงไม่ได้พูดอะไรไร้สาระทั้งสิ้น พุ่งตัวออกไป กำหมัดไว้แน่นแล้วชกไปยังโหจื่อ
ส่วนโหจื่อดูเหมือนก็รู้ว่าหม่าเฟิงจะแอบลอบทำร้ายตัวเอง เขารีบจับมีดสั้นขึ้นมา มุ่งหน้าเข้าไปตั้งรับ
โหจื่อในเวลานี้ จะไม่ออมแรงอีกแล้ว เพราะว่าหม่าเฟิงที่อยู่ตรงหน้านั้น พละกำลังแข็งแกร่งเหลือล้น
ถ้าหากยังออมแรงเอาไว้อีกละก็ เช่นนั้นแล้ว คนที่ตายก็ต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน
หวางเชามาถึงตรงหน้าเฉินเสี่ยว หลังจากที่ประคองร่างเขาไว้แล้ว ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวด “พี่รอง พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เสี่ยวเชา ฉันไม่ไหวแล้ว วันหลังอาซ้อรองก็ต้องไหว้วานให้แกช่วยดูแลด้วยนะ หรือไม่ก็ให้เงินเธอไปก้อนหนึ่ง แล้วส่งเธอไปที่อื่น” เฉินเสี่ยวพูดจบ ร่างก็อ่อนพับลงไปทันที
ดวงตาของเฉินเสี่ยวหรี่ลง ก็ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่ว่าเขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
ส่วนหวางเชาในเวลานี้ กอดร่างของเฉินเสี่ยว มองไปยังท้องฟ้า แล้วร้องไห้โหเสียงดังออกมา
เสียงร้องที่โหยหวนน่าสังเวชนี้ ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัว
“ฉันจะฆ่าพวกแก”
หวางเชามองดูลุงเฉียน และหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ลุงเฉียนมองหน้าหวางเชา แล้วพูดว่า “แกคิดว่าแกสามารถฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ?”
ในสายตาของลุงเฉียน แอบแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“ถึงแม้พวกแกจะเก่งกาจก็จริง แต่ว่าถ้าเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เบื้องหลังในสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเทียบกันได้เลย แม้แต่พวกเขาพวกเรายังไม่กลัวเลย แกนึกว่า พวกเราจะกลัวพวกแกเหรอ? ท่านจวนนี้ก็น่าขำดีนะ ส่งพวกแกแค่สี่คน ก็จะมาถล่มสถานตากอากาศของพวกเราแล้ว มันเป็นการส่งพวกแกมารนหาที่ตายชัดๆ”
ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ใบหน้าของลุงเฉียน ก็ไม่เคยกังวลอะไรเลยตั้งแต่แรก
“เจ้าเฉียน ฉันจะฆ่าแกก่อนละกัน” หวางเชาพูด
ลุงเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองหน้าหวางเชาอย่างสงบนิ่ง หวางเชากระโจมเข้ามาทั้งตัวราวกับเสือที่ดุร้าย ส่วนลุงเฉียนนั้น ก็เหมือนกับก้อนหิน ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเลย เพียงแต่ตอนที่หวางเชามาถึงแล้ว ลุงเฉียนจึงลงมือจู่โจม
ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในวังวนของการต่อสู้
ส่วนโหจื่อนั้น ถึงแม้จะเป็นมือปืนขั้นเทพแห่งยุค แต่ว่าการบุกจู่โจมของหม่าเฟิงมันแข็งแกร่งเกินไป ทำให้โหจื่อไม่มีจังหวะในการชักปืนออกมาเลย
แม้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที หม่าเฟิงก็ยังไม่ยอมให้เขาเลย
อาจเป็นเพราะว่า หม่าเฟิงเข้าใจสถานภาพของโหจื่อดี นี่กลับทำให้หลี่ฝางเข้าใจแล้วว่าการอาศัยพลังที่อยู่ภายนอกทั้งหลาย ก็สู้ตัวเองพยายามยกระดับความสามารถให้สูงขึ้นไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง