เมื่อสามปีที่แล้ว พวกเราทั้งสองฝ่ายตกลงกติกาไว้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ใครก็ห้ามใช้อาวุธร้อนทั้งนั้น” มู่หรงฉางเฟิงมองหน้าโหจื่อ แล้วพูดว่า “แกยังจำได้หรือเปล่า?”
มู่หรงฉางเฟิงพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกเป็นนักแม่นปืนฝีมือเยี่ยม ยิงทุกนัดถูกทุกนัด แต่ว่าแกก็มีกันแค่สองคน มือสองข้างเท่านั้น จะเก่งกาจขนาดไหน แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสู้กับมือปืนสิบกว่าคนของฉันได้ล่ะ?”
“ยังมีมือปืนซุ่มยิงของท่านจวน ตอนนี้ก็ได้ยึดพื้นที่ส่วนบนของเนินเขาแล้ว” มู่หรงฉางเฟิงพูดเสริมพลางแสยะยิ้ม
กลุ่มคนพวกที่มู่หรงฉางเฟิงพามานั้น โหจื่อไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก
ฝีมือยิงปืนของโหจื่อ มีความแม่นยำถึงขั้นระดับหนึ่งแล้ว เขามีความมั่นใจว่าก่อนที่คนพวกนี้จะยิงปืนออกมา ก็สามารถที่จะจัดการพวกนั้นได้ทั้งหมด
แต่ว่า ถ้าเป็นมือปืนซุ่มยิงก็ไม่มีความมั่นใจมากนัก
ตำแหน่งของมือปืนซุ่มยิง มักจะอยู่ห่างออกไปราวประมาณหนึ่งถึงสองร้อยเมตร ระยะห่างขนาดนั้น ต่อให้โหจื่อรู้ตำแหน่งที่ถูกต้องของฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่ว่ากระสุนปืน ก็ไม่สามารถที่จะยิงไปถึงตำแหน่งนั้นได้
อย่างน้อยมือปืนซุ่มยิง ก็ล้วนติดอาวุธปืนชนิดสไนท์เปอร์ไรเฟิลทั้งนั้น
ส่วนปืนในมือสองของโหจื่อนั้น ก็ล้วนเป็นชนิดที่วิถียิงระยะใกล้เท่านั้น
ถ้าระยะห่างเกินกว่าหลายร้อยเมตรแล้ว โหจื่อก็ยากที่จะจัดการได้
ดังนั้น โหจื่อจึงไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว จึงได้แต่ต้องใช้วิธีประนีประนอม โหจื่อมองดูมู่หรงฉางเฟิง แล้วหัวเราะ “ดี เพียงแต่ว่า พวกแกก็ทำเกินเหตุไปหรือเปล่า?”
“ใช้นักฆ่า 60 กว่าคน มาจัดการพวกเราสามคน ท่านจวนนี่ก็หน้าไม่อายไปหน่อยนะ”
โหจื่อแสยะยิ้ม มองหน้าท่านจวน “อายุปูนนี้แล้ว ระวังหน่อยได้หรือเปล่าล่ะ?”
“ฉันไม่ใช้ปืนก็ได้ แต่ว่าพวกแกก็อย่าทำเกินเหตุไป ไม่เช่นนั้นละก็......อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
โหจื่อสีหน้าเย็นชา ส่องประกายพลังพิฆาตออกมา “หากบีบคั้นฉันมากเกินไป.......”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น ทันใดนั้นโหจื่อก็ยกปืนในมือของตัวเองขึ้นมา เล็งไปที่มู่หรงฉางเฟิงและท่านจวน แล้วยิงออกไป
เสียงปืนดังลั่นขึ้นสองนัด ท่านจวนและมู่หรงฉางเฟิงต่างก็ตกใจขวัญกระเจิงไปเลย
ท่านจวนยังนับว่าดีหน่อย ถึงแม้นตัวจะสั่นเล็กน้อย แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ได้นั่งลงไปส่วนมู่หรงฉางเฟิงนั้นก็ไม่ไหวเลย มู่หรงฉางเฟิงตกใจจนนั่งลงกับพื้น ผ่านไปครึ่งค่อนวันจึงจะลุกยืนขึ้นมา
กระสุนปืน ก็เพียงแค่เฉี่ยวหัวพวกเขาไปเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ยิงถูกคนเลย
ระยะห่างที่พอดีเช่นนั้น ยิงได้แม่นยำมากทีเดียว
พวกกลุ่มคนที่มู่หรงฉางเฟิงพามานั้น เมื่อเห็นแล้ว ต่างก็แสดงความรู้สึกศรัทธาชื่นชมท่วงท่าของโหจื่อออกมา
เพราะว่าสำหรับมือปืนแล้ว เทคนิคการยิงของโหจื่อนั้น นับว่าถึงขั้นระดับเทพเลยทีเดียว
ถ้าเรียกเขาว่าเทพนักแม่นปืน ก็ไม่น่าจะเกินเลยไป
ไม่มีใครกล้าที่จะขยับ ถึงแม้ในมือพวกเขาจับปืนกันอยู่ก็ตาม แต่ว่าพวกเขารู้ดีว่า มือของพวกเขา จะไม่มีทางที่จะไวกว่ามือของโหจื่ออย่างแน่นอน
นอกจากว่าคนพวกนี้สามารถยิงปืนไปยังโหจื่อพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ไม่เช่นนั้นแล้วโหจื่อก็ยังคงสามารถยิงทำร้ายพวกเขาทีละคนได้
แต่ถ้าจะทำให้ทุกคนยิงปืนออกไปพร้อมกันทีเดียว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร?
พวกเขาเหล่านี้ คงไม่มีจิตสัมผัสรับรู้ที่สูงขนาดนั้น
มู่หรงฉางเฟิงสำรวจแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ก็รีบลุกขึ้นยืน เขามองดูโหจื่อแล้วตะโกนด่าด้วยความโกรธว่า “แกทำอะไรของแก?”
“แม้งแกจะบ้าแล้วหรือไง?” มู่หรงฉางเฟิงโกรธจัด
โดยเฉพาะปฏิกิริยาการตอบโต้ของเขาเมื่อครู่นี้ ที่แสดงท่าทีตื่นตกใจมากเกินไปเมื่อเทียบกับท่าทีของท่านจวนแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกอับอายขายหน้าเล็กน้อย
ส่วนคนที่อยู่ที่นี่ ต่างก็ได้เห็นกันหมดแล้ว โหจื่อไม่ได้คิดจะยิงปืนเพื่อฆ่าใครทั้งนั้นเพียงแต่คิดว่า จะส่งสัญญาณเตือนมู่หรงฉางเฟิงและท่านจวนเท่านั้นเอง
อีกทั้ง ก็ยังเป็นพิสูจน์ความแม่นยำในการยิงปืนของเขาด้วย
โหจื่อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเรียกว่า “ฉันเพียงแต่อยากบอกแกว่า ถ้าหากพวกแกข่มเหงกันจนเกินไปแล้ว ฉันก็จะยิงระเบิดสมองพวกแกสองคนก่อนเลย”
“เมื่อกี้พวกแกก็เห็นแล้ว ถ้าฉันคิดจะฆ่าพวกแก สามารถที่จะยิงก่อนที่พวกเขาจะยิงเสียอีก แล้วก็จะจบชีวิตพวกแกได้เลย”
โหจื่อพูดว่า “ถ้าอยากจะสู้ ได้เลย ทยอยกันมาตัวต่อตัว อย่าเล่นแบบสิบรุมหนึ่ง มันคือการต่อสู้เหรอ? นี่แม้งเรียกว่าหมาหมู่ชัดๆ ฉันไม่เคยคิดจะแหกกฎกติกา แต่ขอเตือนพวกแกก่อน พวกแกอย่าบีบคั้นฉันมากเกินไป”
หลังจากที่โหจื่อจบแล้ว มู่หรงฉางเฟิงกัดฟันด้วยความโกรธจัด
สีหน้าของท่านจวนก็เคร่งขรึมเช่นกัน
ท่านจวนหันหลังกลับไปมองมู่หรงฉางเฟิง แล้วพูดว่า “ไปรวบรวมยอดฝีมือมากกว่านี้มา”
“เมืองตงไห่ทั้งเมือง หรือว่าจะไม่มียอดฝีมืออีกแล้วเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง