สถานตากอากาศเหรอ?
ตอนแรกหลี่ฝางก็รู้สึกตะลึง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเจื่อนๆ
ตอนนี้เขารู้สึกแอบดีใจที่ฉินวี่เฟยไม่ได้อยู่ที่สถานตากอากาศแล้ว ไม่เช่นนั้นละก็หญิงสาวทั้งสองคนนี้เมื่อเจอหน้ากันก็ไม่รู้จะเกิดเรื่องยุ่งยากอะไรขึ้นอีก
พูดตามความจริง ตอนนี้ความรู้สึกของเขาสับสนมาก ในเมื่อได้อยู่กับฉินวี่เฟยแล้ว แต่ตอนนี้กลับดึงเอาลู่หลุ่ยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะให้ลู่หลุ่ยจากไปตอนนี้ อีกทั้งระหว่างทางที่พบกับเรื่องราวอันตรายขึ้นนี้ ลู่หลุ่ยต้องเผชิญความลำบากก็เพราะว่าเขา จึงคาดเดาได้ยากมากถ้าหากลู่หลุ่ย ไม่ได้อยู่ข้างกายหลี่ฝางแล้วจะต้องเผชิญกับภัยอันตรายมากน้อยเพียงใด
ระหว่างทางที่กลับไปนั้น ภายในรถมีพยาบาลคอยช่วยทำแผลอย่างง่ายๆให้กับหลี่ฝาง
“ตั้งลั่ง” กระสุนปืนสีเหลืองทองก็ตกลงมาบนจาน ลูกกระสุนที่เปื้อนเลือดนั้นมีลักษณะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถูกฝังอยู่ในกล้ามเนื้อของหลี่ฝาง แต่ยังไม่ได้ทะลุออกไป
“คราวนี้แกทำได้ไม่เลวเลย” หลังจากที่ส้าวส้วยนั่งดูการทำแผลของหลี่ฝางอย่างเงียบๆแล้ว จากนั้นก็ชมด้วยรอยยิ้ม
“แกก็อย่าหัวเราะเยาะฉันสิ” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะยิ้มฝืดๆ
“ไม่ใช่หัวเราะเยาะ จริงจังนะ” สีหน้าส้าวส้วยเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “พูดตามความจริงนะหลังจากที่ฉันกลับมาจากเมืองนอกแล้วฉันคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าจะมีใครกล้าที่จะซุ่มยิงแกอย่างอุกอาจได้ขนาดนี้ พวกฉันล้วนเคยผ่านประสบการณ์ชีวิตฝ่าดงกระสุนปืนมาอย่างโชกโชนแล้วทั้งนั้น แต่แกไม่ใช่ เมื่อก่อนฉันยังเป็นห่วงว่าแกมีแต่พละกำลังแต่ยังไม่มีสติยั้งคิด ตอนนี้ฉันวางใจแล้ว ลูกชายของหลอซ่าก็คือลูกชายของหลอซ่า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่โดดเด่นสะดุดตายังไง เมื่อเริ่มกางปีกโบยบิน ก็สามารถทะยานไปสู่เหนือสวรรค์ชั้นเก้าได้เลย ทำให้ผู้คนล้วนคอยแหงนหน้ามองไปตามกัน”
หลี่ฝางนึกไม่ถึงว่า ส้าวส้วยถึงกับพูดชมเขาด้วยคำติชมที่สูงค่าถึงเพียงนี้ เขารู้สึกหลงระเริงลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อก่อนนั้นอยู่ต่อหน้าส้าวส้วย โหจื่อคนพวกนี้แล้ว ตัวเองก็เหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง ไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั่งจับไก่สักตัว หรือแม้แต่กลอุบายและเล่ห์เหลี่ยมก็สู้คนอื่นไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ได้แต่อาศัยพวกเขาตัวเองจึงได้เป็นคุณชายมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพวกเขาแล้ว ตัวเองก็คงไม่เป็นอะไรสักอย่าง
แต่ว่าตอนนี้หลี่ฝางกลับพบว่า เขาค่อยๆเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจนไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้แล้ว เขาก็อยากจะกลายเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีความสามารถเพียงพอที่จะไปกันแดดกันฝน พร้อมที่จะรับมือกับศัตรูจากทั่วสารทิศได้
“ใช่แล้ว เรื่องราวคราวนี้จะเป็นแผนการของมู่หรงฉางเฟิงจริงเหรอ?” หลี่ฝางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก มู่หรงฉางเฟิงบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่” เมื่อพูดถึงปัญหานี้แล้ว ส้าวส้วยก็รู้สึกจริงจังขึ้นมาไม่น้อยเลย “มู่หรงฉางเฟิงใจไม่กล้าขนาดนี้หรอก และก็ไม่มีความเก่งกาจสามารถขนาดนั้นด้วย ฉันสังเกตเห็นเงาร่างของบางคนในอดีตที่แฝงอยู่ในตัวของคนที่ลงมือพวกนั้น”
“คนในอดีตเหรอ?”
“เออ นั่นเป็นศัตรูของพวกเราที่เมืองนอก”
“สำนักหยิ่งซาเหรอ?”
“แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เป็นคนในราชวงศ์ ตอนนี้ฉันยังยืนยันไม่ได้” ส้าวส้วยส่ายหน้า ด้วยท่าทีที่หนักใจ
“เสี่ยวฝาง คนของสององค์กรใหญ่นี้มีอิทธิพลแข็งแกร่งกว่าที่แกคิดเสียอีก หนี้บุญคุณความแค้นของพวกเรากับสององค์การใหญ่นี้ ก็ซับซ้อนกว่าที่แกคิดเสียอีก ตอนนี้ฉันอาจจะไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องราวรายละเอียดให้แกรู้ทุกอย่าง แต่ว่าสักวันหนึ่งแกคงต้องได้รับรู้เรื่องราวความจริงทุกอย่างในไม่ช้าก็เร็ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง