หลี่ฝางสีหน้าจริงจังแล้วจงใจที่พูดแกมหยอกว่า “เถ้าแก่หลิวเอ๊ย เรื่องของคุณนี้จัดการยากหน่อยนะ ธุรกิจการค้าในเมืองเอกฉันก็ไม่ค่อยไปแทรกแซงอะไรนักหรอก คุณดูซิ ตระกูลฉันก็มีแต่ดูแลอยู่ไม่กี่ร้านเท่านั้นเอง ยังไม่ค่อยจะได้กำไรอะไรเท่าไหร่เลย อีกอย่างตอนนี้การค้าขายก็ทำยากมากขึ้นด้วย”
หลิวหย่งรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณชายหลี่พูดเล่นใช่เปล่า มีใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลหลี่ของพวกคุณเงินไม่เคยขาดมือเลย แค่กระดิกนิ้วก็สามารถเอาเงินหลายร้อยล้านออกมาได้แล้ว
ฉันรู้ว่าคุณชายหลี่ท่านไม่ใส่ใจเรื่องเงินทองเท่าไหร่นัก อาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ว่าคุณชายหลี่ท่านลองคิดดูสิ เวลาที่คนอย่างพวกเราเดินทางไปไหนมาไหน มีสถานที่ไหนที่สะดวกที่สุดล่ะ ไม่ใช่โรงแรมหรอกเหรอ? โรงแรมแห่งหนึ่ง ก็เหมือนตะปูตัวหนึ่ง หากโรงแรมแต่ละแห่งตอกลงไปเหมือนกับตะปู นั่นก็เป็นเหมือนตาข่ายผืนใหญ่ที่ครอบคลุมลงมา
ขอเพียงให้คุณชายหลี่ท่านเอ่ยปากมา ฉันก็ยินดีที่จะถักทอตาข่ายผืนหนึ่งออกมาให้กับท่านได้”(ความหมายแฝมก็คือสร้างเครือข่ายสัมพันธ์)
“อ๋อ? คุณจะช่วยทักทอตาข่ายผืนหนึ่งให้ฉันเหรอ?" หลี่ฝางรู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้อย คำพูดของหลิวหย่งนั้น ไม่เพียงแต่แค่ร่วมทุนกันง่ายดายเช่นนั้น ยังมีความหมายยอมสวามิภักดิ์แอบแฝงอยู่ด้วย
“ถ้าได้รับความกรุณาจากคุณชายหลี่แล้ว ฉันจะต้องช่วยคุณชายหลี่สานตาข่ายผืนนี้ให้อย่างดีเลย!” หลิวหย่งเทเหล้าเต็มแก้ว ยกขึ้นมาแล้วพูดอย่างเสียงดังฟังชัด
หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็มองไปยังหลิวหย่งด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับมีความกล้าเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ได้ เมื่อได้ลั่นวาจานี้ออกมาแล้ว ก็พูดได้ว่าเป็นการยอมศิโรราบให้กับหลี่ฝางอย่างชัดเจนแล้ว ถึงเวลาก็จะเอาสมบัติพัสถานทั้งหมดของตัวเองไปผูกติดกับเรือลำใหญ่ของหลี่ฝาง เขาก็ไม่กลัวหรือว่าหากวันใดวันหนึ่งเรือของหลี่ฝางเกิดอับปางลงแล้วจะพาเขาจมดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกด้วยกันเลยเหรอ?
หยิ่นเจิ้งและแมงป่องต่างก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดเช่นนี้เลย เดิมทีหยิ่นเจิ้งยอมติดตามหลี่ฝาง เป็นเพียงเพราะว่าหลี่ฝางให้ประโยชน์กับเขาได้ ตอนที่แมงป่องต่อสู้กับหลี่ฝางนั้น เขาก็คิดจะหนีเอาตัวรอดเหมือนกัน แต่ก็ลองเสี่ยงดูสักตั้งหนึ่งจนในสุดท้ายก็มาถูกทางแล้ว
แมงป่องนั้นถูกหลี่ฝางกดหัวบังคับให้หันหน้ากลับเข้ามา พูดตามความจริงแล้วหากไม่ใช่เพราะว่าแมงป่องอยู่ในอำเภอหลินมีรากเหง้าที่ฝังลึกอยู่ละก็ เขาคงถูกหลี่ฝางฆ่าตายไปนานแล้ว
ทั้งสองคนนี้ต่างก็ไม่ใช่ “คนกันเอง”ของหลี่ฝางทั้งนั้น
ส่วนตอนนี้หลิวหย่งคนนี้เพิ่งจะพบหน้าหลี่ฝางเป็นครั้งแรก กลับคิดจะเป็น “คนกันเอง”ของหลี่ฝางแล้ว คนที่มาทีหลังย่อมดังกว่า เช่นนี้แล้วทั้งสองคนจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไรกัน คิดยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลิวหย่งจึงทำเช่นนี้
ทั้งสามคนต่างก็มองไปยังหลี่ฝาง รอคอยการตัดสินใจของเขา
หลี่ฝางหรี่ตาแล้วยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมา
“ได้เลย งั้นฉันก็จะคอยดูว่าคุณจะช่วยฉันสานตาข่ายผืนใหญ่นี้ขึ้นมาได้ยังไง!”
เป๊ง! แก้วเหล้าสองใบกระทบกันเกิดเสียงดังใสกังวานขึ้น หลิวหย่งดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด ใบหน้าแสดงความปลาบปลื้มยินดีออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้
หลี่ฝางกลับไม่ค่อยได้คิดอะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกว่าอยากจะให้โอกาสกับหลิวหย่งสักครั้งหนึ่งเท่านั้น อาจไม่แน่จะมีสิ่งดีๆที่คาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้
“ดี ดีๆ วันนี้ได้ดื่มเหล้าที่ดีจัง มาเร็วมา ทุกคนยกแก้วขึ้นมา ดื่มหมดแก้วเลย!” หยิ่นเจิ้งเป็นคนที่ลื่นไหลกว่าคนอื่น หลังจากตั้งสติคืนจากการตกตะลึงแล้ว ก็รีบรินเหล้า ทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากยิ่งขึ้น
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นเกิดเสียงดัง“ปั้ง”ประตูของห้องจองพิเศษถูกพังออก มีสิ่งของก้อนกลมๆลูกหนึ่งลอยมาจากอากาศด้วยวิถีโค้งตกลงบนโต๊ะอาหาร
หลังจากที่ได้ฝึกฝนกำลังภายในแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของหลี่ฝางนั้นรับรู้ได้ไวมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ขณะที่สิ่งของกลมกลิ้งที่เพิ่งลอยผ่านเข้ามานั้น เขาก็เห็นชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นอย่างรุนแรง
นั่นมันเป็นศีรษะของฉินเสี่ยวหู่!
ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ยังคงมีล่องลอยความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ ดวงตาที่เบิ่งโตทั้งสองข้างราวกับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
หลี่ฝางกระโดดตัวขึ้นมา ยื่นมือออกไป คว้าศีรษะของฉินเสี่ยวหู่เอาไว้ในมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปตกกระแทกจานชามกับข้าวบนโต๊ะอาหารนั้นได้
“โคตรแม้งไอ้ฉิบหาย ไอ้เวรตะไลคนไหนที่ไม่รู้จักแหกตาดู!” หลี่ฝางลงมายืนบนพื้น ที่เหลืออีกสามคนนั้น ก็ได้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่โยนเข้ามาคืออะไร แมงป่องรีบตะโกนด่าด้วยคำหยาบทันที นึกไม่ถึงเลยว่าเขตอิทธิพลของตัวเองเวลากินข้าวยังเจอปัญหาเรื่องเช่นแบบนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง