“ตามนิสัยของลูกพี่แล้ว จะยอมให้พวกเขาเห็นเป็นคนโง่ได้ยัง จึงได้มีปากเสียงกับพวกเขาขึ้นมา สุดท้ายคนที่ลูกพี่ช่วยเอาไว้ในตอนนั้นยังพูดกับลูกพี่อย่างหน้าด้าน ๆ ว่าเป็นลูกพี่เองที่ไม่รับน้ำใจ จะโทษที่พวกเขาไม่อยากช่วยไม่ได้ บุญคุณที่ลูกพี่ช่วยชีวิตเอาไว้ในตอนนั้นก็ถือว่าได้ทดแทนแล้ว
คุณรู้ไหม ตอนนั้นผมอยากจะยิงไอ้สารเลวนั่นให้ตายจริง ๆ ตอนนี้นึกขึ้นมาก็ยังรู้สึกขยะแขยงแทบทนไม่ได้ หุบเขาราชายาที่ว่า ก็แค่พวกคนเลวที่ใช้ชื่อเสียงเที่ยวแอบอ้างหลอกลวงคนอื่นเท่านั้นเอง คิดที่จะพึ่งพวกเขาให้ช่วยเหลือคน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ”
หลังจากที่ได้ยินคำบรรยายจากโหจื่อ หลี่ฝางก็รู้สึกโกรธแค้นต่อความไม่เป็นธรรมนั่น และภายในใจของก็ได้เกิดความทรงจำที่ไม่ดีต่อหุบเขาราชายาขึ้นมา
แต่ว่าตอนนี้ชีวิตของลุงเฉียนได้แขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าหากในมือของหุบเขาราชายามีวิธีที่สามารถช่วยชีวิตลุงเฉียนได้จริง ๆ แล้วหลี่ฝางควรจะทำยังไง?
เมื่อมองความคิดของหลี่ฝางออก โหจื่อก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “หลี่ฝาง คุณเองก็อย่าให้ความหวังอะไรมากกับหุบเขาราชายา โลกใบนี้ได้เดินหน้าอยู่ตลอดเวลา โรคต่าง ๆ ที่คนเมื่อร้อยปีก่อนคิดว่ารักษาไม่หาย สำหรับคนสมัยนี้แล้วอาจเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่ซื้อยาแค่ไม่กี่บาดก็รักษาได้แล้ว
คนของหุบเขาราชายากอดของเก่า ๆ ที่สืบทอดกันมานับหลายร้อยปีนั่นไว้ไม่ยอมปล่อย เป็นพวกอนุรักษนิยมไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข แล้วทักษะทางการแพทย์จะสูงส่งไปถึงไหนกันเชียว?”
หลี่ฝางทอดถอนใจ คิดว่าที่โหจื่อพูดก็มีเหตุผล
“เฮ้อ ตอนนี้จะมีใครล่ะที่สามารถช่วยลุงเฉียนได้?” ในขณะที่หลี่ฝางกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น จู่ ๆ แววตาก็เปล่งประกาย เขาพลันนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
หลิวฮุย
เขาเคยบอกว่าถ้าตัวเองมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็สามารถไปหาเขาได้
ภายใต้ความคิดที่ว่าลองดูสักตั้ง หลี่ฝางก็ได้กดโทรศัพท์โทรหาหลิวฮุย
“มีอะไรเหรอ?” หลิวฮุยเอ่ยถามขึ้นมาทันที เป็นที่ประจักษ์ว่าเขารู้จักเบอร์ของหลี่ฝาง
“ที่ผมมีคนอยู่คนหนึ่ง กำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า ไม่รู้ว่าคุณจะสามารถช่วยได้ไหม”
“อาการเป็นยังไง นายบอกผมมาหน่อยสิ”
จากนั้นหลี่ฝางก็ได้อธิบายอาการของลุงเฉียนไป
“อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจะหนักไม่เบา ฉันเองก็ไม่มีความมั่นใจอะไร หากนายไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ สามารถให้ฉันรับเอาไปลองดูได้” หลิวฮุยได้ให้คำตอบที่คลุมเครือกับหลี่ฝาง
หลี่ฝางลังเลอยู่สักพัก แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าลุงเฉียนอยู่ที่ก็เพียงแค่รอความตาย สู้พยายามอย่างเต็มที่จะดีกว่า จึงพยักหน้าพลางกล่าว: “ได้สิ”
“โอเค เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะส่งคนให้ไปรับเขา นายยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
หลี่ฝางคิดแล้วคิดอีก จากนั้นจึงได้บอกเรื่องที่ตัวเองต้องเผชิญหน้ากับสำนักหยิ่งซาและ Dynasty (ราชวงศ์) พร้อมกันให้หลิวฮุยฟัง
คราวนี้หลี่ฝางได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เพียงได้ยินหลิวฮุยกล่าวขึ้น: “หลี่ฝาง นายนี่มันชอบหาเรื่องจริง ๆ”
หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าว: “เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้ เซี่ยจือชิวคนนั้นพวกคุณก็น่าจะรู้จัก เขามาขอร้องให้ผมช่วยถึงที่ ผมก็ไม่อาจที่จะโยนเขาทิ้งออกไปใช่ไหมล่ะ”
อีกฝั่งของสายเงียบไปสักพัก ถึงได้ยินหลิวฮุยเอ่ยขึ้น: “จริง ๆ แล้วกองกำลังต่างชาติพวกนั้นพวกเราคิดอยากจะจัดการมานานแล้ว พวกมันทำเรื่องเลวร้ายบนแผ่นดินของพวกเราตามอำเภอใจโดยที่ไม่เกรงกลัวใคร ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
พอดีเลย ถือโอกาสนี้ ฉันสามารถรวบรวมตระกูลเหล่านั้น ร่วมกันออกความคิดเห็น วางแผนปฏิบัติภารกิจ ให้พวกมันรู้ซะบ้างว่าหมัดใครจะแน่กว่ากัน!”
หลี่ฝางดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เขารีบกล่าวทันที: “เป็นยังไงบ้าง ส่งคนมาที่ผมเยอะหน่อย ผมสามารถออกเงินสมทบภารกิจส่วนหนึ่งได้”
“นายอย่าคิดมากไป พวกเราไม่มีทางทำงานให้นายหรอก” หลิวฮุยเอ่ยต่อว่า: “แต่ว่าปัญหาทั้งฝั่งนายค่อนข้างจะหนักมากจริง ๆ แน่นอนว่าจะต้องส่งคนไปที่นั่นเยอะหน่อยอยู่แล้ว พอถึงตอนนั้นนายให้ความร่วมมือในการทำงานก็พอแล้ว อย่าทำอะไรมั่วซั่วเด็ดขาด”
“อะไรที่บอกว่าทำอะไรมั่วซั่วน่ะ พวกคุณรวบรวมกองกำลังประจำท้องถิ่นเพื่อร่วมมือปฏิบัติภารกิจไม่ได้เหรอ”
“อย่าพูดถึงเรื่องอะไรพวกนั้นเลย พวกเราไม่มีกองกำลังประจำท้องถิ่นหรอก เอาล่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะไปด้วยแล้วกัน เรื่องบางเรื่องค่อยคุยกับนายอย่างละเอียดอีกที”
หลังจากที่วางสายไป หลี่ฝางก็ได้เงยหน้าขึ้นปะทะกับสายตาที่ค่อนข้างเป็นกังวลของโหจื่อ
“เชื่อถือได้ไหม?” โหจื่อเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง