กรุงเทพฯ
ตามที่ช้องนางให้สัญญากับเหนือเมฆไว้ว่า วันหยุดของหล่อนคือวันของเขา เหนือเมฆจึงมารับช้องนางที่บ้านตั้งแต่เช้า ยานพาหนะที่เขานำมารับช้องนางคือรถซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อดังราคาร่วมสี่สิบล้านบาท ที่เขาบอกกับหล่อนว่าเป็นรถของเดชดวงที่ต้องขับกลับไปไร่เมฆา สถานที่ที่เหนือเมฆตั้งใจพาหล่อนไปเที่ยว ระหว่างทางที่ไปไร่ดังกล่าว เหนือเมฆพาหล่อนไปไหว้พระทำบุญ จากนั้นจึงพาไปไร่เมฆาที่วันนี้ มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาดูผลผลิต ประเมินคุณภาพว่า ผ่านเกณฑ์ของบริษัทหรือไม่
“ทำไมเขาต้องมาดูด้วยคะ” ช้องนางถามเหนือเมฆเมื่อเขาเล่าให้ตนฟัง
“ถ้าผ่าน พวกผักและผลไม้ในไร่ก็จะส่งไปให้บริษัทนั้น นำไปทำเป็นน้ำผักและผลไม้ ทางบริษัทจึงส่งตัวแทนมาดู แต่พี่คิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ไร่เมฆาไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ใช้ปุ๋ยที่ทำจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเลย ดินดี ปุ๋ยดี พืชผลก็ดีตามไปด้วย” เหนือเมฆตอบ
“แล้วถ้าไม่ส่งบริษัท แล้วส่งไปขายที่ไหนคะ สี่มุมเมืองหรือเปล่าคะ”
“ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าคนกลางมารับน่ะ เขาก็เอาไปกระจายอีกที”
“อย่างนี้ก็สบายสิคะ ไม่ต้องวิ่งหาลูกค้าเอง”
“พี่ว่าการทำไร่เหนื่อย กว่าจะได้ผลผลิตแต่ละรอบใช้เวลาหลายเดือนนะ มันขึ้นอยู่กับหน้าของผลไม้แต่ละชนิดด้วย กุ้งลองมาเป็นเมียคนทำไร่ดูไหมล่ะ แล้วจะรู้เลยว่า คนทำไร่สบายหรือไม่สบาย แต่กุ้งไม่ต้องกลัวลำบากนะ เพราะพี่จะเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี”
ช้องนางหน้าแดง หลีบหลบสายตาเหนือเมฆที่มองหล่อนตาวับวาว เปิดเผยความรู้สึกออกมาทางแววตาโดยไม่ปิดกั้น ช้องนางไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาถึงไม่รู้ว่า เหนือเมฆกำลังจีบตนอยู่ ทว่าหล่อนก็ไม่มีทีท่าว่าจะปฏิเสธการขายขนมจีบเข่งใหญ่ของเขา กลับเต็มใจให้เขาขายของเสียด้วยซ้ำ
“เอ๊ะ! เกิดอะไรขึ้นคะ ตำรวจมากันเยอะเลย ท่าทางจะเกิดอุบัติเหตุนะคะ” ช้องนางบอกเหนือเมฆเมื่อเห็นอุบัติเหตุข้างหน้า
“ไม่รถชนกันก็คงรถคว่ำ”
เหนือเมฆสันนิษฐาน คิดว่าเป็นเรื่องปกติของการวิ่งรถบนถนน เขาจึงไม่ใส่ใจมากนัก ขับรถเลยผ่านไป ทว่าจังหวะที่กำลังผ่านจุดเกิดเหตุ รถเขาต้องชะลอเนื่องจากเหลือการจราจรแค่ช่องทางเดียว เขาจึงหันไปมองรถยนต์ที่จอดอยู่กลางถนน และมองเห็นคนที่นั่งคอพับอยู่ในรถ แค่เห็นเพียงด้านข้างเขาก็จำได้ว่าคือใคร
“กุ้งรอพี่ในรถก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา” เขาหักรถจอดริมข้างทาง หันมาบอกคนที่นั่งมาด้วย
“พี่เหนือจะไปไหนคะ”
“คนที่อยู่ในรถพี่รู้จัก พี่จะลงไปดูเขาหน่อย” พูดจบก็เปิดประตูรถ แล้วก้าวลงไป “เกิดอะไรขึ้นจ่าแนน”
“อ้าว คุณเหนือ” จ่าวิชัยหันมาทักคนถาม ที่เขารู้จักดี
“ผมจำได้ว่า คนที่อยู่ในรถคือคุณพนม พี่ชายเจ้าของไร่เพียงรัก เกิดอะไรขึ้นกับคุณพนมครับ”
“มีการปล้นครับ คุณพนมเพิ่งไปเบิกเงินที่ธนาคารมาสามล้าน เสือหาญคงรู้ความเคลื่อนไหวเลยมาดักปล้นครับ มันไม่ได้ปล้นเปล่า ยังฆ่าทิ้งด้วย” แค่ได้ยินชื่อคนปล้น เหนือเมฆทำหน้าตกใจทันที
“แน่ใจหรือครับว่าเป็นเสือหาญ”
“แน่ใจครับ เพราะคุณนา เมียคุณพนมที่นั่งมาด้วย เธอไม่ได้เสียชีวิต มันกะเอาคุณนาให้ตาย แต่เธอกลับรอด และบอกหน่วยกู้ภัยที่เดินทางมาถึงก่อนว่า เป็นเสือหาญ”
“มันมาอีกแล้วหรือนี่ หายหน้าไปเลยนึกว่าไปแล้วไปลับซะอีก”
เสือหาญหรืออมรอดีตเป็นทหารพรานผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธสงคราม หลังจากเลิกเป็นทหารพราน เสือหาญได้มาเอาดีด้านการค้าอาวุธสงครามและสิ่ผิดกฎหมายหลายอย่างตามตะเข็บชายแดน ก่อนจะมาปล้นชิงทรัพย์เหล่ามดที่ขนยาเสพติดข้ามประเทศ แล้วนำมาขายต่อได้เงินไปใช้อย่างสบาย และเมื่ขบวนมดเริ่มรู้แก จ้างทหารรับจ้างคุ้มครอง เสือหาญจึงปล้นลำบากขึ้น เงินขาดมือ เสือหาญกับพวกจึงออปล้นชิงทรัพย์ชาวบ้านในแถบจังหวัดราชบุรี ส่วนใหญ่จะดักปล้นคนมีเงินที่มักไปเบิกเงินสดมาจ่ายค่าจ้างคนงานในไร่ที่มีอยู่ด้วยกันหลายสิบไร่ อย่างในกรณีพนมก็เสียชีวิตเพราะถูกเสือหาญปล้น
“มันคงหมดหนทางแล้วมั้งครับ ได้ข่าวมาว่า คนที่คุ้มกะลาหัวเสือหาญอยู่กำลังถูกเพ่งเล็ง เลยปล่อยหางมัน มันเลยต้องหันมาปล้นเหมือนเดิม” วิชัยสันนิษฐาน “ได้ไปคราวนี้ไม่ใช่น้อย คงกบดานยาว”
“มันก็ไม่แน่นะครับ โจรมักคิดไม่เหมือนเรา บางทีมันอาจคิดปล้นใครอีกก็ได้ เพราะต้องคิดว่า ทางตำรวจต้องคิดเหมือนจ่าที่ว่า มันต้องกบดานยาว มันอาจปล้นทีเดียวได้เงินเยอะๆ แล้วค่อยหลบเข้ากลีบเมฆ นอนใช้เงินสบายๆ” เหนือเมฆคิดไปอีกทาง
“มันก็น่าคิดนะครับ ยังไงคุณเหนือระวังไว้ด้วยก็ดีนะครับ ผมจะโทรเตือนไร่ต่างๆ ให้ระวังตัว”
“ครับจ่า มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ ผมยินดี”
“ขอบคุณครับคุณเหนือ"
เหนือเมฆยิ้มบางส่งให้จ่าวิชัย ก่อนเดินกลับไปที่รถ ส่วนจ่าวิชัยเดินไปหาผู้บังคับบัญชาที่เดินทาง
มาถึงจุดเกิดเหตุ รายงานเหตุการณ์ให้อีกฝ่ายทราบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส