วันนี้ช้องนางได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างกับการมาเที่ยวไร่เมฆา ไร่แห่งนี้ไม่ได้ปลูกแค่ผลไม้เพียงอย่างเดียว ยังมีสวนผักขนาดใหญ่ที่ปลูกผักหลายชนิดอีกด้วย ไม่หมดยังมีเลี้ยงโคนมและโคเนื้อที่วันนี้หล่อนได้เห็นการรีดนมวัวเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เพียงแค่ได้เห็น เหนือเมฆยังให้หล่อนได้ลองรีดนมวัวอีกด้วย
มีอีกหนึ่งเรื่องที่ช้องนางสังเกตเห็นคือ คนงานในไร่ดูเหมือนจะเกรงใจเหนือเมฆมากกว่าเดชดวงเสียอีก ไม่ว่าเหนือเมฆจะพูดอะไรทุกคนจะฟังและทำตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่า เหนือเมฆเป็นหัวหน้าคนงานไม่แปลกที่พวกเขาจะให้ความเคารพและเชื่อฟัง
“เหนื่อยไหมกุ้ง” เหนือเมฆถาม ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ช้องนาง “เช็ดหน้าหน่อยนะ เหงื่อออก”
ช้องนางยิ้มรับความเอาใจใส่จากเหนือเมฆที่มีให้ตนตั้งแต่วันแรกที่พบเจอจนกระทั่งวันนี้ กำลังจะยกมือขึ้นรับผ้าเช็ดหน้า ทว่าเขากลับทำสิ่งนี้เสียก่อน
“พี่เช็ดให้ดีกว่า เดี๋ยวกุ้งจะเมื่อยมือ” เหนือเมฆซับผ้าเช็ดหน้าลงบนดวงหน้าเขินอายของช้องนาง “กุ้งเวลาเขินนี่น่ารักจัง อย่างนี้พี่ไม่รักคงไม่ได้”
เอาอีกแล้ว...เหนือเมฆพูดให้หล่อนเขินหนักมากขึ้น วันนี้ตั้งแต่อยู่ในรถ เขาพูดจาเกี้ยวพาราศีช้องนางตลอด ทว่าหล่อนไม่เกิดความรำคาญหรือหงุดหงิด แต่กลับทำให้หัวใจที่ผ่านความช้ำพลิกฟื้นได้อย่างมหัศจรรย์ ราวกับคำพูดและการกระทำของเขาเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจ
“พี่เหนือพูดอะไรก็ไม่รู้” ช้องนางพูดเขิน หน้าแดงระเรื่อ
“พี่พูดความจริง เป็นความจริงจากใจนะ” เหนือเมฆมองช้องนางตาฉ่ำ ยิ้มให้อีกฝ่ายที่ขวยเขินหนัก ไม่มองหน้าเขา หลุบตามองพื้นดินตลอดเวลา
“กุ้งหิวแล้วค่ะ” หล่อนเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ก็หิว...อยากกินกุ้ง” เหนือเมฆหยอด มองสาวในดวงใจตาหวาน ช้องนางเขินเป็นทวีคูณ
“พี่เหนือพูดแบบนี้อีกแล้วนะ” ช้องนางดุเสียงเบา ไม่จริงจัง
“พี่หมายถึงกุ้งเผาต่างหากล่ะ พี่ยังพูดไม่จบ” เหนือเมฆไหลลื่น “ไป พี่จะพากุ้งไปกินข้าว พี่จะทำให้กินนะ กุ้งอยากกินอะไรบอกพี่มาได้เลย”
เหนือเมฆพูด มือเขาเอื้อมมากุมมือช้องนางที่เงยหน้าขึ้นมองสบตามีเสน่ห์ของเหนือเมฆ แล้วต้องรีบหลบพัลวัน และไม่ขัดขืนที่เขาจะจับมือตนเดินไปยังบ้านหลังใหญ่
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพากันเดินไปยังบ้านพักของเหนือเมฆ เชิดขับรถกลับมาถึงไร่พอดี และได้เห็นภาพหวานของเจ้านายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่ใส่ใจเพราะคิดว่า หญิงสาวคนนั้นจะสำคัญอะไร เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือ การหาข้อมูลให้เสือหาญ
เมนูอาหารง่ายๆ ที่เหนือเมฆทำให้ช้องนางทานคือ ผัดซีอิ้วกุ้ง และยังมีน้ำส้มคั้นที่เขาทำให้หล่อนดื่มอีกหนึ่งแก้ว อาหารมื้อนี้ไม่เพียงแค่รสชาติอร่อย ยังมีกลิ่นความรักคละคลุ้ง ที่มาพร้อมกับคำพูดหวานๆ ชวนเลี่ยนของเหนือเมฆ ช้องนางทานอาหารไปเขินไป อยากลุกเดินหนีก็หลายครั้ง ทว่าก้นหล่อนรู้สึกหนักมาก ขยับลุกไม่ได้
“เอ๊ะ! ทำไมอยู่ๆ ฝนทำท่าเหมือนจะตก”
เหนือเมฆพูดเมื่อเห็นแสงแดดถูกบดบังด้วยก้อนเมฆที่เปลี่ยนสีเป็นสีดำที่จับตัวเป็นกลุ่มก้อน และเริ่มแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
“ฝนฟ้าอากาศช่วงนี้แปรปรวน เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก บางวันตอนสายแดดเปรี้ยง ตอนเที่ยงฝนตก ตอนกลางคืนอากาศหนาว สามฤดูในวันเดียว” ช้องนางคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกกับสภาพอากาศที่เห็น
“สงสัยเราต้องกลับกรุงเทพเร็วกว่าที่บอกไว้ ถ้าฝนตกหนักขับรถมันอันตราย” เหนือเมฆพูด “เอาไว้คราวหน้าพี่จะพาไปเที่ยวน้ำตกนะ”
“ค่ะพี่เหนือ” ขณะที่สองหนุ่มสาวกำลังนั่งทานอาหาร มานะคนงานในไร่ที่ดูแลคอกม้าวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในบ้าน
“คุณเหนือครับ ยุพินกำลังออกลูกครับ หมอน่านไม่อยู่ครับเข้าเมืองไปเมื่อกี้ ไม่ได้เอามือถือไปด้วย พี่เดชก็ออกไปธนาคารครับ” มานะบอกเจ้าของไร่ที่รีบทิ้งช้อนลงบนจาน
“งั้นไปกันเลย” เหนือมเมฆหันมาพูดกับช้องนาง “กุ้งรอพี่ที่นี่นะ เดี๋ยวพี่มา”
“กุ้งไปด้วยค่ะ” ช้องนางเข้าใจว่า ยุพินที่ว่านี้คือคนกำลังคลอดลูก ที่หล่อนตามเขาไปด้วยเพราะอยากรู้ว่า เหนือเมฆทำคลอดคนเป็นด้วยหรือ เหนือเมฆไม่ได้ห้ามช้องนาง เขาเดินออกไปจากบ้านพร้อมมานะ ไปยังคอกม้าที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
ยุพินที่ช้องนางคิดว่าเป็นคนที่แท้คือชื่อม้าที่ตอนนี้กำลังจะคลอดลูกม้า เดิมทียามมีแม่ม้าคลอดลูกม้า สัตวแพทย์วรวีร์หรือหมอน่านจะเป็นคนดูแลโดยมีเดชดวงเป็นผู้ช่วย เมื่อทั้งสองไม่อยู่ มานะที่ทำหน้าที่ดูแลคอกม้าแต่ทำคลอดลูกม้าไม่เป็น จึงวิ่งไปเรียกเหนือเมฆที่ทำหน้าที่นี้ได้
ช้องนางตื่นเต้นไม่น้อยที่เห็นแม่ม้ายุพินคลอดลูกม้า หล่อนยืนลุ้นอยู่ข้างๆ เหนือเมฆที่พอแม่ม้ายุพินคลอดลูกเสร็จก็รีบจัดการกับรกให้เรียบร้อย
“ตัวผู้หรือตัวเมียคะพี่เหนือ” ช้องนางถามเหนือเมฆ
“ตัวผู้ครับ แข็งแรงทั้งแม่และลูก”
“ถ้าลูกม้าออกมาแล้ว พี่เหนือจะขายต่อหรือเลี้ยงไว้คะ”
“ตัวนี้มีคนจองไว้ตั้งแต่ยุพินท้อง พี่รอให้มันแข็งแรงกว่านี้อีกสักหน่อยพี่จะไปส่งให้เขา” เหนือเมฆตอบช้องนาง ก่อนหันไปสั่งมานะ “ดูลูกม้าดีๆ ด้วยนะ ฝนจะตกแล้วพามันไปอยู่คอกด้านในดีกว่า”
“ครับคุณเหนือ” มานะรับคำสั่ง
“พี่ว่ารีบเดินกลับไปที่บ้านเถอะ ฝนจะตกแล้ว” เหนือเมฆมองท้องฟ้าที่กลุ่มเมฆเริ่มจับตัวเป็นก้อนหนา และสีของก้อนเมฆก็เปลี่ยนเป็นสีดำที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองเดินออกจากคอกม้าทันที ทว่าเดินพ้นไปราวยี่สิบเมตร ฝนก็เทหนักลงมา ทั้งคู่จึงเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งจนถึงบ้าน “โห ตกหนักมาเลย”
เหนือเมฆพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในบ้าน
“ตัวกุ้งเปียกหมดเลย พี่ว่ากุ้งไปอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะ ปล่อยไว้อย่างนี้หวัดกินแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส