“ไม่นึกเลยว่าเผ่าเทพมิติจะมีจักรพรรดิเทพแล้ว!” อสูรเก้าพักตร์อุทานขึ้นกับตัวเอง
สาเหตุที่มันรู้เช่นนี้เป็นเพราะว่ามันคืออสูรขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุด ด้วยความแข็งแกร่งของมันต่อให้มันเข้าไปอยู่ในช่องว่างมิติ ซึ่งเป็นถิ่นของเผ่าเทพมิติโดยตรงตัวตนของมันก็ไม่อาจถูกขับออกมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ อย่างต่ำ ๆ ผู้ที่จะขับมันออกมาได้ต้องเป็นผู้ที่เป็นจักรพรรดิเทพเหมือนกับมันเท่านั้น
มันรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเผ่าเทพมิติมีจักรพรรดิเทพเช่นนี้ เพราะเมื่อครู่มันเพิ่งจะขู่เผ่าเทพมิติไป จักรพรรดิเทพเผ่าเทพมิติคือตัวตนอันดับต้น ๆ ที่มันไม่อยากจะปัญหาด้วยไม่ว่าจะเป็นในเวลาไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตามในเวลานี้มันก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมพวกเผ่าเทพมิติทั้งหลายถึงไม่มีใครรับข้อเสนอของมันเลย
ที่แท้เผ่าเทพมิติตอนนี้ก็รวมกันเป็นหนึ่งแล้ว และด้วยคำสาบานต่อสวรรค์เผ่าเทพมิติจึงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของเผ่าอื่น ๆ ได้อีก
เมื่ออสูรเก้าพักตร์นำข่าวนี้กลับไปแจ้ง บรรดาอสูรทั้งหลายต่างก็เงียบลงครุ่นคิดด้วยสีหน้ามืดหม่นไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล!” คุนเป๋งเอ่ยขึ้น “ต่อให้เผ่าเทพมิติจะไม่ช่วยพวกเราก็ไม่เป็นไร อย่าลืมว่าพวกเรายังมีสหายฟูหวง ตอนนี้พวกเรามาเปลี่ยนแผนใหม่รอสหายฟูหวงบ่มเพาะจนมีอำนาจพอจะสยบจักรพรรดิเทพของฝั่งตรงข้ามทั้งหมดก็ได้ ข้าเชื่อว่าผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะพิสูจน์เต๋าเช่นเขาคงใช้เวลาอีกไม่นานเท่าไหร่หรอก”
อีกด้านหนึ่ง ราชันแห่งมวลมนุษย์ในตอนนี้ได้เดินทางไปถึงตำหนักไร้หทัยเรียบร้อยแล้ว หากเขาสามารถโน้มน้าวให้ตำหนักไร้หทัยเข้าร่วมกับพวกเขาได้มันจะหมายความว่ากองกำลังพันธมิตรมีจักรพรรดิเทพเพิ่มขึ้นอีกถึง 4 คน แถม 1 ใน 4 คนนั้นคือผู้ที่เคยถูกนับได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานของยุคก่อน และยิ่งไปกว่านั้นในยุคนี้หลิงตู้ฉิงแข็งแกร่งกว่าเดิมซะอีก
หากได้รับการช่วยเหลือจากหลิงตู้ฉิงจริง ๆ การจัดการกับพวกอสูรมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ต้วนฉิงมองไปที่ราชันแห่งมวลมนุษย์และเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจว่าท่านมาที่นี่เพราะอะไร แต่ข้าคงต้องขอประกาศเอาไว้เลยว่าตำหนักไร้หทัยจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้เด็ดขาด เมื่อในอดีตอาจารย์ของข้าสร้างบ่วงกรรมและพันธะเอาไว้มากมาย ซึ่งตอนนี้เขาก็พยายามที่จะชดใช้ปลดเปลื้องพันธะเหล่านั้นอยู่ ขืนเรายังคงเข้าร่วมกับความขัดแย้งนี้มันจะยิ่งเป็นการสร้างบ่วงกรรมมากขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราชันแห่งมวลมนุษย์ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าพวกอสูรเอาชนะกองกำลังพันธมิตรได้ ในอนาคตต่อไปจะไม่มีใครที่อยู่ได้อย่างเป็นสุขอีกเลยถึงแม้ว่าจะเป็นตำหนักไร้หทัยก็ตาม พวกอสูรมันก็คงไม่ปล่อยตำหนักไร้หทัยเอาไว้เฉย ๆ แน่นอน”
ต้วนฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พวกอสูรมันไม่ได้โง่ขนาดที่จะมาโจมตีที่นี่หรอก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเห็นได้ชัดอยู่แล้วจากการที่พวกมันเลือกที่จะโจมตีทิศทางอื่นไม่โจมตีมาทางฝั่งตำหนักไร้หทัย พวกอสูรอาศัยอยู่ในภูมิภาคทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนตำหนักไร้หทัยของข้าอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พวกมันกับพวกข้านั้นไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากนักเลย แต่พวกมันกลับไม่โจมตีมาทางนี้แม้แต่น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกมันไม่มีความคิดที่จะมาโจมตีที่นี่และเมื่อตอนนี้มันยังไม่โจมตี อนาคตต่อไปพวกมันก็ไม่มีทางโจมตีเหมือนกัน”
ราชันแห่งมวลมนุษย์ถอนหายใจ จากนั้นเขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจนใจว่า “งั้นเอาเป็นว่าเจ้าช่วยไปเรียกอาจารย์ของเจ้ามาให้ข้าสักหน่อยจะได้ไหม ข้าขอลองคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
ถึงแม้ว่าต้วนฉิงจะปฏิเสธอย่างแน่วแน่ แต่ราชันแห่งมวลมนุษย์ก็ยังไม่อยากลดละความพยายาม ในใจของเขาคิดว่าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องคุยกับหลิงตู้ฉิงโดยตรงก่อนอีกสักรอบ
“ท่านอาจารย์ตอนนี้ทำธุระอยู่ในยมโลก” ต้วนฉิงตอบกลับทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราชันแห่งมวลมนุษย์ถอนหายใจหนักกว่าเดิม
“เฮ้อ…แล้วข้าจะทำยังไงต่อไปดี?” ราชันแห่งมวลมนุษย์แสดงสีหน้าหม่นหมองเป็นอย่างมาก
เขารู้ว่าในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเขา หากเขาเจรจาสำเร็จมันจะหมายความว่าเผ่าอสูรจะหมดความได้เปรียบไปในทันที แต่ถ้าเขาล้มเหลวนั่นหมายความว่าโอกาสที่กองกำลังพันธมิตรจะพ่ายแพ้นั้นมีมากกว่า 6 ส่วน
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนว่าไม่มีความหวังเลยที่จะเจรจาให้ตำหนักไร้หทัยมาเข้าร่วมได้ แล้วแบบนี้เขาต้องทำอย่างไรต่อไปดี?
เมื่อเห็นสีหน้าที่หม่นหมองของราชันแห่งมวลมนุษย์ ต้วนฉิงเอ่ยขึ้นเสนอทางเลือกใหม่ให้กับเขา “อันที่จริงหากเจ้าสามารถพูดให้ทุกเผ่าที่เข้าร่วมกับเจ้าตกลงยอมทำตามเงื่อนไขหนึ่งข้อของตำหนักไร้หทัยได้ ข้าจะมอบบางสิ่งบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้แน่นอนเป็นการตอบแทน”
“ข้อตกลงอะไร?” ราชันแห่งมวลมนุษย์รีบถามกลับทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)