บทที่ 107 ทวงแค้นเสื้อคลุมโลหิต[รีไรท์]
บทที่ 107 ทวงแค้นเสื้อคลุมโลหิต[รีไรท์]
เหลียนปู้ชิงตอบพร้อมกับยิ้มอย่างหื่นกระหาย “ข้ารู้แค่เพียงว่ามันถูกสร้างมาได้อย่างไร้ที่ติ ส่วนหากจะถามว่าสร้างขึ้นมาได้อย่างไรและวิธีการอะไรนั้นข้าไม่รู้ ว่าแต่ท่านไปได้มันมาจากที่ไหน?”
“มีคนเพิ่งให้ข้ามา” จ้าวปาเทียนตอบสั้น ๆ เขาไม่ต้องการลงรายละเอียด
ตอนนี้อารมณ์ของจ้าวปาเทียนเริ่มหม่นหมองลง เนื่องจากแม้แต่นายช่างหลอมสมบัติที่เก่งที่สุดในสถาบันยังตอบไม่ได้ว่าของสิ่งนี้มันสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ฉะนั้นเขาจึงลืมไปได้เลยเรื่องคำท้าที่หลิงตู้ฉิงได้ท้าให้เขาเอาคันฉ่องอันนี้ไปให้นักศึกษาคนอื่นในสถาบันดู
เขาหมดหวังแล้วที่จะให้หลิงตู้ฉิงมาเป็นอาจารย์สอนการหลอมสมบัติ
จ้าวปาเทียนเมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงต้องกลับมายึดตามแผนหลักที่เขาได้เพิ่งวางไว้ นั่นคือการเปิดคณะใหม่ให้กับหลิงตู้ฉิงและลูก ๆ ของเขาได้อยู่ร่วมกัน
หลิงตู้ฉิงในเวลานี้ค่อนข้างมีความสุขกับผลของการเจรจากับจ้าวปาเทียน
บรรดาลูก ๆ ของเขาสามารถได้รับประสบการณ์การเข้าสังคมในสถาบันราชวงศ์และเขายังได้สมุนไพรและวัตถุดิบระดับสูงต่าง ๆ มาใช้แบบฟรี ๆ แถมสิ่งที่เขาต้องแลกไปก็มีแค่เขาต้องเป็นคณบดีให้กับสถาบันและช่วยสอนนักศึกษาเพียงเท่านั้น
เมื่อหลิงตู้ฉิงกลับถึงคฤหาสน์ เขาพบว่ามีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 17 หรือ 18 ปีที่เขาไม่คุ้นหน้า นั่งคุยอยู่กับมี่ไลและคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นเขากลับมา มี่ไลรีบแนะนำเด็กสาวที่มาใหม่กับเขาว่า “นายท่าน นางเป็นลูกสาวของครูถัง ชื่อหมิงจู้!”
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงมอง ถังชี่หยุนก็พยักหน้าและยิ้ม “นายท่าน สามีของข้าแซ่หมิง”
“เอาล่ะนางสามารถอยู่ที่นี่ได้” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรกับหมิงจู้
เขากลับไปนั่งลงที่ประจำและหลับตาลงทำสมาธิ
รูปลักษณ์ของหมิงจู้นั้นงดงามหายาก ใบหน้าของนางคล้ายคลึงกับถังชี่หยุน ซึ่งดูมีเสน่ห์และมีความสง่างาม หมิงจู้มองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างแปลกประหลาด แต่นางเองไม่ได้ทักทายอีกฝ่ายเช่นกัน
สำหรับมี่ไลและคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิงไม่พูดอะไรอีก พวกเขาจึงเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันต่อ
“แต่เดิมข้าเคยทดสอบเข้าสถาบันราชวงศ์เช่นกัน แต่ข้าก็สอบไม่ผ่าน จากนั้นข้าก็เลยเข้าสถาบันหงส์เพลิง หมิงจู้ เจ้านี่เก่งจริง ๆ เลย เจ้าสามารถสอบผ่านจนเข้าสถาบันราชวงศ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย” มี่ไลพูดกับหมิงจู้ด้วยสายตาชื่นชม
จริง ๆ แล้ว มี่ไลอายุมากกว่าหมิงจู้เพียงไม่กี่ปี
ที่ผ่านมามี่ไลรู้สึกเสียใจที่ไม่ผ่านการสอบเข้าสถาบันราชวงศ์มาโดยตลอด แต่เนื่องจากโชคชะตาของนางที่นางสอบไม่ผ่าน นางจึงได้พบกับหลิงตู้ฉิง และหลังจากนั้นนางจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องที่นางไม่สามารถเข้าสถาบันราชวงศ์ได้อีกเลย
หมิงจู้หัวเราะ “ไม่หรอกพี่สาว ข้าเองต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะสอบเข้าสถาบันราชวงศ์ได้ ข้าไม่ได้เก่งอะไรมากมายอย่างที่พี่สาวคิดหรอก”
ทุกคนคุยกันอย่างมีความสุข ยกเว้นหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่นั่งฟังไม่พูดอะไรอยู่ข้าง ๆ
นี่เป็นเพราะนางมาจากหอคณิกาและนางไม่เคยมีโอกาสเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาใด ๆ นางจึงไม่สามารถร่วมพูดคุยถึงเรื่องการเรียนในสถาบันได้ แต่ถึงนางจะไม่ได้เข้าเรียนในสถาบันใด ๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่เข้าใจอะไรเลย ตรงกันข้ามหอคณิกากลับสอนนางให้เข้าใจปัญญาทางโลกมากกว่า
พวกนางพูดคุยกันอยู่จนอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วจึงแยกย้ายกันไปเข้านอน
สำหรับหมิงจู้ คืนนี้นางนอนร่วมห้องอยู่กับแม่ของนาง
เมื่อพวกนางทั้งสองอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง หมิงจู้พูดกับถังชี่หยุนด้วยสายตาจับผิดว่า “ท่านแม่ ท่านกำลังเตรียมหาพ่อเลี้ยงให้ข้างั้นเหรอ? ท่านจะอยู่ที่นี่เป็นผู้หญิงของเขาอีกคนและไม่กลับเรือนเราหรือยังไง? และท่านไม่คิดบ้างหรือไงว่าพ่อเลี้ยงคนนี้ยังเด็กไปสักหน่อยนะท่านแม่”
ถังชี่หยุนจ้องมองหลิงจู้และตำหนิ “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่อยู่กับเจ้านานเกินไป จนเดี๋ยวนี้เจ้าไม่มีความเคารพให้กับแม่คนนี้ของเจ้าแล้วใช่ไหม?”
“ก็ข้าอยากรู้จริง ๆ นี่!” หมิงจู้รีบพูด “ท่านแม่ ท่านก็อย่าเพิ่งโกรธข้าสิ ข้าแค่อยากให้ท่านอธิบายว่าทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่โดยที่ท่านไม่กลับไปที่เรือนเราเลย ท่านเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนะท่านแม่ ท่านไม่กลัวว่าชาวบ้านเค้าจะนินทาท่านให้เสีย ๆ หาย ๆ งั้นเหรอ และนี่ข้าก็ยังไม่แน่ใจว่าท่านพ่อรู้เรื่องที่ท่านมาอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง ถ้าหากท่านพ่อรู้ เขาต้องโกรธท่านแม่มากแน่นอนเลย”
ถังชี่หยุนส่ายหัว “พ่อของเจ้ารู้เรื่องตั้งนานแล้ว! ข้าส่งข่าวบอกกับเขาเองหลังจากข้าไปอยู่ที่เรือนหลิงในเมืองฟินิกซ์ได้ไม่นาน”
“แล้วท่านพ่อเขาอนุญาตให้ท่านแม่อยู่จริง ๆ เหรอ?” หมิงจู้พูดอย่างแปลกใจ
ถังชี่หยุนหัวเราะ “ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เห็นด้วย แต่เขายังสนับสนุนให้แม่อยู่กับท่านหลิงอีกต่างหาก! แม่จะบอกเจ้าให้ว่าตระกูลหลิงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคนในอนาคต ไม่เช่นนั้นแม่จะไม่นำเจ้ามาอยู่อาศัยที่นี่แน่นอน”
“ท่านแม่หมายความว่ายังไง?” หมิงจู้ถามอย่างงงงวย
“เจ้าจะรู้ได้เองในอนาคต” ถังชี่หยุนส่ายหัวและถอนหายใจ “แต่เมื่อเจ้าได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ แม่กลับเป็นห่วงเจ้าอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า”
“เป็นห่วงข้าเหรอ? เป็นห่วงเรื่องอะไร?” หมิงจู้เริ่มสับสนมากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)