ตอน บทที่ 106 พบจ้าวปาเทียนครั้งแรก[รีไรท์] จาก พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 106 พบจ้าวปาเทียนครั้งแรก[รีไรท์] คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 106 พบจ้าวปาเทียนครั้งแรก[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงได้เดินทางมาถึงสถาบันราชวงศ์พร้อมกับเสี่ยวเยว่เฟิง
ด้วยเอกสารเชิญตัวที่หลิงตู้ฉิงนำมาด้วย เขาจึงสามารถตรงเข้าไปหาจ้าวปาเทียนได้โดยตรงถึงห้องทำงาน
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงและจ้าวปาเทียนอยู่ห้องทำงานเรียบร้อยและกำลังนั่งจ้องหน้ากันโดยไม่เอ่ยอะไร
จ้าวปาเทียนเองตอนนี้ได้แอบปลดปล่อยแรงกดดันของขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 ของตนไปยังหลิงตู้ฉิงเพื่อลองดูปฏิกิริยาตอบโต้ของเขา
แต่เมื่อจ้าวปาเทียนปลดปล่อยแรงกดดันไปได้สักพัก เขาก็ยังไม่เห็นว่าหลิงตู้ฉิงจะแสดงอาการอะไรแปลกออกไป เหมือนกับว่าแรงกดดันของเขานั้นไม่มีผลอะไรเลยทั้งสิ้น
ทำไมไอ้หนุ่มนี่มันถึงได้แปลกแบบนี้?
จ้าวปาเทียนยังคงจ้องหลิงตู้ฉิงต่อไปอย่างไม่กระพริบตา
ทางด้านหลิงตู้ฉิงเองก็มองไปยังท่าทางของจ้าวปาเทียนด้วยสายเรียบเฉย
สำหรับมุมมองของหลิงตู้ฉิง จ้าวปาเทียนนั้นเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 ธรรมดา ๆ เท่านั้นไม่มีอะไรที่พิเศษไปกว่าคนอื่นเลย
หลังจากนั่งจ้องกันอยู่ 10 นาที หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มขยับ เขาหยิบเอาคันฉ่องที่เตรียมไว้ออกมาจากแหวนมิติและโยนไปให้จ้าวปาเทียนรับ
จ้าวปาเทียนเมื่อเห็นว่าอยู่ดี ๆ หลิงตู้ฉิงโยนอะไรส่งมาให้ก็ไม่รู้ เขาจึงรู้สึกงุนงงและถามขึ้น “ไอ้นี่มันคืออะไร?”
“สินสอด!” หลิงตู้ฉิงตอบ
“สินสอด?” จ้าวปาเทียนพูดทวนด้วยอาการตกตะลึง
จ้าวปาเทียนที่ถือคันฉ่องอยู่ในมือยังคงตกตะลึง เขาพึมพำอยู่ในใจ สินสอด? สินสอดเขาให้กันแบบนี้ซะเมื่อไหร่กันเล่าไอ้บ้าเอ้ย! และอีกอย่างไอ้คันฉ่องบ้านี้มันจะเอามาทำอะไรได้อีกบ้างล่ะนอกจากไว้ส่องเงาหัวตัวเอง!?
“ใช่สินสอด สำหรับสู่ขอจ้าวเหมิงลู่ มันคืออาวุธระดับวิญญาณขั้นสูง วิธีใช้ของมันท่านก็แค่ต้องสังเวยเลือดของตัวเองไปให้กับมันก็แค่นั้น สำหรับพลังของมันหากผู้ใช้อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณและสังเวยเลือดตัวไปเองไปสักครึ่งหนึ่งให้กับมัน การฆ่าท่านก็เหมือนกับปลอกกล้วยเข้าปาก”
จ้าวปาเทียนเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาได้แต่อ้าปากค้าง
ฆ่าข้า? ข้าอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 เชียวนะ แล้วไอ้หนุ่มนี่กำลังจะบอกว่าข้าอาจตายได้ด้วยน้ำมือของผู้เชี่ยวชาญขอบประสานทะเลปราณธรรมดางั้นเหรอ?
แต่เมื่อจ้าวปาเทียนลองคิดดูถึงวีรกรรมที่หลิงตู้ฉิงเคยสร้างไว้ที่เมืองฟินิกซ์ เขาก็ไม่อาจจะดูถูกของสิ่งนี้ได้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังรู้ว่ามันจะเกินจริงไปหรือเปล่า?
“มันทรงพลังถึงขนาดอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ เหรอ?” จ้าวปาเทียนถามย้ำ
“ท่านจะลองดูด้วยตัวเองก่อนก็ได้ ท่านเพียงแค่หยดเลือดลงไปบนมันก่อนเพื่อประทับตราความเป็นนาย และจากนั้นท่านก็ลองใช้พลังของมันดู” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
จ้าวปาเทียนเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจเก็บมันลงไปในแหวนมิติก่อน จากนั้นเขาจึงเปิดหัวข้อการคุยใหม่
จ้าวปาเทียนหลี่ตามองไปยังหลิงตู้ฉิงและพูดขึ้น “ข้าได้คุยกับปู่ของเจ้าแล้วถึงเรื่องการแต่งงานของเจ้ากับเหมิงเอ๋อ ปู่ของเจ้าได้บอกว่าจะเป็นผู้จัดการงานทั้งหมดให้เองเพราะฉะนั้นเรื่องนี้เจ้าจงกลับไปปรึกษากับปู่ของเจ้าอีกทีถึงเรื่องงานแต่ง และยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน”
“ข้าต้องการที่จะจ้างให้เจ้ามาเป็นอาจารย์ในสถาบันของข้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถสร้างสมบัติวิเศษระดับสูงได้ ในตอนนี้สถาบันของข้ากำลังขาดแคลนอาจารย์ด้านนี้พอดี เจ้าสนใจที่จะมาสอนในตำแหน่งนี้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้เขาส่ายหัวทันที “ข้าขอปฏิเสธ ข้าไม่มีเวลามานั่งสอนพวกเด็กน้อยในสถาบันของท่านหรอก หรือต่อให้ข้ามีเวลา พวกนักศึกษาในสถาบันของท่านก็ไม่มีสมองพอจะเข้าใจวิชาที่ข้าสอนหรอก ฉะนั้นท่านลืมไปได้เลยกับการที่จะให้ข้ามาเป็นอาจารย์ในสถาบันของท่าน”
จ้าวปาเทียนเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้เขาขมวดคิ้วทันที “เจ้ายังไม่ทันได้สอนพวกเขาเลย แล้วเจ้าจะมาตรัสรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจที่เจ้าสอน!”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไอ้สมบัติที่ข้ามอบให้เป็นสินสอดนั้นน่ะ ข้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ท่านลองนำไปให้นักศึกษาคนไหนก็ได้ในสถาบันของท่านตรวจสอบดู หากมีคนไหนแม้แต่เพียงสักหนึ่งคนที่สามารถเข้าใจวิธีในการใช้งานมัน ข้าจะยอมเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันท่านให้โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ เลย”
เมื่อครู่ที่จ้าวปาเทียนได้รับคันฉ่องนั่นมาเขาเองได้ลอบตรวจสอบมันเป็นที่เรียบร้อยแต่เขาเองก็ยังมองไม่ออกว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นหากเขายังมองไม่ออกแล้วบรรดาเด็ก ๆ ในสถาบันจะไปเหลืออะไร
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจ้าวปาเทียนจึงเปลี่ยนประเด็น “แล้วลูก ๆ ของเจ้าล่ะ ข้าได้ฟังหลานของข้าเอ่ยชมลูก ๆ ของเจ้าอยู่ตลอดเวลา และข้าก็ได้ข่าวเรื่องผลการประลองที่ลูกชายคนโตของเจ้าได้เข้าร่วมด้วย ข้าคิดว่าลูกชายคนโตของเจ้านั้นไม่เลวเลย แต่สถาบันของข้านั้นไม่เคยรับเด็กที่อายุน้อยแบบลูก ๆ ของเจ้ามาก่อน เพราะฉะนั้นข้าคิดว่าข้าจะจัดให้ลูก ๆ ของเจ้าไปอยู่ที่ชั้นเรียนเตรียมพื้นฐานของสถาบันก่อนเป็นไง?”
จ้าวปาเทียนมองแผ่นหลังของหลิงตู้ฉิงที่เดินออกไปจากห้องทำงาน เขารู้สึกแปลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเขาเองเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 และยังเป็นอธิการบดีของสถาบันราชวงศ์ แต่ทำไมบทสนทนาเมื่อสักครู่ที่เขาแลกเปลี่ยนกับเด็กรุ่นราวคราวหลานของเขา เขาถึงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เปรียบอะไรเลย
เมื่อคิดอยู่สักพัก จ้าวปาเทียนจึงหยิบคันฉ่องที่หลิงตู้ฉิงมอบให้เมื่อสักครู่ขึ้นมาตรวจสอบและลองหยดเลือดของตนเองลงไปเพื่อประทับตราความเป็นนาย จากนั้นเขาจึงหยดเลือดตนเองลงไปอีกหนึ่งหยดและลองส่งพลังวิญญาณตนเองเข้าไปในคันฉ่องเพื่อดูผลของมัน
หลังจากส่งพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในคันฉ่อง จ้าวปาเทียนรู้สึกได้ทันทีว่าอาวุธชิ้นนี้กำลังช่วยดูดพลังวิญญาณบริเวณรอบ ๆ ตัวมันเข้ามากักเสริมไว้ จนความหนาแน่นของพลังวิญญาณที่ถูกดูดเข้ามาหนาแน่นกว่าพลังวิญญาณที่จ้าวปาเทียนใส่ลงไปในมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวปาเทียนรู้สึกตื่นตะลึง อาวุธชิ้นนี้สามารถปล่อยพลังได้รุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจากพลังวิญญาณที่เขาใส่ลงไป “เขาไม่ได้โกหกจริง ๆ นี่มันเป็นอาวุธระดับวิญญาณที่มหัศจรรย์จริง ๆ”
จ้าวปาเทียนลูบคลำคันฉ่องอย่างมีความสุขและพึมพำกับตนเอง “ในเมื่อตอนนี้เจ้าเป็นของข้าแล้ว ข้าจะขอตั้งชื่อเจ้าตามสถาบันของข้าแล้วกัน คันฉ่องจันทรา!”
หลังจากที่ตั้งชื่อให้คันฉ่องเรียบร้อยจ้าวปาเทียนจึงออกจากห้องทำงานไปตามหา เหลียนปู้ชิง ที่เป็นนายช่างหลอมสมบัติประจำสถาบันที่เก่งที่สุด
“เจ้าช่วยตรวจสอบสมบัติชิ้นนี้ให้ข้าที” จ้าวปาเทียนยื่นคันฉ่องจันทราให้กับเหลียนปู้ชิงตรวจสอบมัน
เหลียนปู้ชิง เมื่อได้รับคันฉ่องมาแล้วเขาตรวจสอบมันอย่างตั้งใจ
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จ้าวปาเทียนซึ่งเห็นว่าเหลียนปู้ชิงไม่พูดอะไรออกมาสักที เอาแต่ลูบ ๆ คลำ ๆ คันฉ่องของเขาอยู่นานสองนานด้วยสายตาที่เป็นประกายราวกับได้พบหญิงงามที่ตนเองหมายปองมาหลายร้อยปี จ้าวปาเทียนจึงอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “สรุปแล้วนี่เจ้าได้เรื่องอะไรบ้างรึยัง?”
หลังจากถามแล้วเหลียนปู้ชิงนั่นยังไม่ตอบอะไร กลับเอาแต่ลูบคันฉ่องต่ออยู่อีกสักพักจน จ้าวปาเทียนหมดความอดทน เขาใช้ตราประทับความเป็นนายเรียกคันฉ่องบินกลับมาที่เขาทันที
เมื่อคันฉ่องหลุดจากมือ เหลียนปู้ชิงก็เริ่มได้สติกลับมา เขาตบหน้าตัวเองหนึ่งทีและจากนั้นหันกลับมาที่จ้าวปาเทียนอีกครั้งและพูดว่า “อ่า ขอโทษทีเมื่อครู่ข้าลืมตัวไปหน่อย ข้าแค่ไม่เคยเห็นอาวุธวิญญาณที่สร้างขึ้นมาได้อย่างไร้ที่ติเช่นนี้มาก่อน ท่านช่วยนำมันออกมาให้ข้าดูอีกทีได้ไหม”
จ้าวปาเทียนเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงจำใจยื่นคันฉ่องจันทรากลับไปให้เหลียนปู้ชิงอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพัก เหลียนปู้ชิงจึงได้ส่งคันฉ่องจันทราคืนกลับไปยังจ้าวปาเทียน ด้วยสีหน้าไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
“เป็นยังไง ได้เรื่องอะไรบ้าง?” จ้าวปาเทียนถามอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)