พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 114

สรุปบท บทที่ 114 ชั้นเรียนแรกของคณะเปิดชั่วคราว[รีไรท์]: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

สรุปเนื้อหา บทที่ 114 ชั้นเรียนแรกของคณะเปิดชั่วคราว[รีไรท์] – พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) โดย Internet

บท บทที่ 114 ชั้นเรียนแรกของคณะเปิดชั่วคราว[รีไรท์] ของ พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 114 ชั้นเรียนแรกของคณะเปิดชั่วคราว[รีไรท์]

หนึ่งในบรรดานักศึกษาหัวกะทิที่พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะถอนตัวจากคณะเปิดชั่วคราวแน่นอนคือ เจียงซิงเฉิง

เมื่อเจียงซิงเฉิงกลับไปถึงเรือน เขาบอกกับครอบครัวของเขาเกี่ยวกับคณะเปิดชั่วคราว

“ตาเฒ่าจ้าวนี่ต้องว่างมากแน่ ๆ ถึงได้นึกอะไรพิเรนทร์ ๆ แบบนี้ออกมาได้” เจียงเฉา ใช้น้ำเสียงเชิงเยาะเย้ยจ้าวปาเทียน

เจียงซิงเฉิงยิ้มและตอบกลับพ่อของเขา “ข้าก็ว่าหยั่งงั้นเหมือนกันท่านพ่อ ถึงแม้ว่าคณบดีคนใหม่นั่นจะมีประวัติเคยสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารามาก่อน แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาอาศัยอาวุธวิเศษในการสังหารเท่านั้น ข้าคิดว่าจริง ๆ แล้วหากเขาไม่มีอาวุธนั่น เขาก็คงเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญงอกง่อยธรรมดาที่ระดับขอบเขตยังไม่ถึงประสานทะเลปราณซะด้วยซ้ำ”

เจียงเฉาเมื่อได้ยินที่ลูกชายเขาพูด เจียงเฉารู้สึกตะหงิด ๆ คุ้น ๆ อะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งและรีบถามว่า “เดี๋ยวนะ ๆ คณบดีของคณะใหม่ที่เจ้าพูดถึงเขาชื่อหลิงตู้ฉิง และเป็นคนที่กำลังถูกพูดถึงกันอยู่เยอะ ๆ ในเมืองหลวงตอนนี้ใช่รึเปล่า?”

“ใช่แล้วท่านพ่อ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมอธิการบดีจ้าวถึงให้ความสำคัญกับเขานักหนาเขาก็แค่…” เจียงซิงเฉิงกล่าว

ก่อนที่เขาจะจบประโยค พ่อของเขาก็ขัดจังหวะเขาด้วยเสียงตะโกน “ไอ้ลูกเวร! พรุ่งนี้แกต้องย้ายไปเรียนที่คณะเปิดชั่วคราวนั่นทันที ห้ามออกจากคณะเด็ดขาด แกเข้าใจไหม!” เจียงเฉาตะโกน

เจียงซิงเฉิงตกตะลึง เขามองไปที่พ่อของเขาและถามว่า “หะ!? ท่านพ่อ นี่ข้าหูเพี้ยนไปรึเปล่า สรุปแล้วท่านจะให้ข้าไปเป็นนักศึกษาที่คณะเปิดชั่วคราวหรือท่านไม่ต้องการให้ข้าไปที่นั่นกันแน่?”

เจียงเฉาพูดอย่างจริงจัง “เจ้าไม่ได้ฟังผิด! ข้าบอกให้เจ้าย้ายไปเป็นนักศึกษาที่คณะเปิดชั่วคราวนั่นซะในวันพรุ่งนี้!”

เจียงซิงเฉิงพูดด้วยความตกใจ “ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรของท่านออกมาเนี่ย ท่านก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าระดับการบ่มเพาะของข้าตอนนี้อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว และท่านกลับต้องการให้ข้าไปอยู่ในคณะที่มีคณบดีอยู่ระดับควบแน่นลมปราณเนี่ยนะ?”

เจียงเฉาพูดอย่างเย็นชา “เจ้าจะภูมิใจอะไรนักหนากับขอบเขตประสานทะเลปราณงอกง่อยของเจ้ากัน! ข้าแค่ใช้นิ้วเดียวก็ดีดเจ้าปลิวแล้วไอ้ลูกโง่! ฟังข้าให้ดีนะ ถ้าพรุ่งนี้เจ้ากล้าออกจากคณะเปิดชั่วคราวของหลิงตู้ฉิงแล้วล่ะก็ ข้าเอาเจ้าตายแน่!”

หลังจากพูดกับลูกชายจบ เจียงเฉาก็ไล่ลูกของเขาให้ไปเตรียมตัวสำหรับการเข้าคณะใหม่ในวันพรุ่งนี้

เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากเจียงเฉาไม่ใช่หนึ่งในคนกลุ่มเดียวกับกงหนิวที่บุกไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ของหลิงตู้ฉิง

เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไปยังที่นั่นและเห็นพลังของเสี่ยวเยว่เฟิง ก่อนที่จะรู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ และตอนนี้เทพปีศาจตนนี้ได้กลายมาเป็นอาจารย์และยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีของคณะใหม่ในสถาบันราชวงศ์อีกต่างหาก นี่มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา และแถมยังเป็นโอกาสให้ลูกชายของเขาได้เรียนรู้และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับตัวตนที่แข็งแกร่ง เขาเชื่อว่าลูกชายของเขาจะต้องได้รับผลประโยชน์จากหลิงตู้ฉิงอย่างมากมายแน่นอน!

ส่วนเรื่องความขัดข้องใจของลูกชายเขาต่อคำสั่งเขานั้น เขาต้องปล่อยมันไว้เช่นนั้นก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สราญรมย์เขาไม่สามารถเล่าให้กับลูกชายของเขาฟังได้ เขาจึงทำได้เพียงบังคับให้ลูกชายของเขาเข้าร่วมกับคณะของหลิงตู้ฉิงอย่างไร้เหตุผลเพื่ออนาคตของลูกชายของเขาเอง

เจียงซิงเฉิงที่กลับไปถึงยังห้องของตัวเอง เขาตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรงขณะที่เขาด่าตัวเอง “บ้าเอ้ย แล้วข้าดันลั่นคำพูดออกไปแล้วด้วยว่าจะไม่เข้าร่วมคณะบ้านั่นแน่นอน แล้วตอนนี้ข้าจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ๆๆ อ้ากกก”

ด้วยคำสั่งเด็ดขาดจากพ่อของเขา เจียงซิงเฉิงจึงไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง เขารู้ว่าหากเขาทำให้พ่อเขาโกรธ เขาต้องเจอกับปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน

และเหตุการณ์คล้ายกันนี้ก็ได้เกิดกับนักศึกษาหัวกะทิคนอื่นเช่นกัน

โกวเจี้ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 ในตารางความแข็งแกร่งของคณะเตรียมทหาร กล่าวคือหากเขาจบการศึกษาจากคณะเตรียมทหาร ในอนาคตอย่างน้อยเขาต้องได้เป็นแม่ทัพของอาณาจักร

แต่ตอนนี้พ่อของเขาบังคับให้เขาออกจากคณะเตรียมทหาร และให้เขาเข้าคณะเปิดชั่วคราวแทน ซึ่งการทำเช่นนี้มันก็เหมือนกับการที่เขาลงแรงทั้งหมดที่ทำมาในคณะเตรียมทหารต้องสูญเปล่า นี่ทำให้ในหัวของเขามีแต่ความโกรธพ่อของตัวเองอย่างสุดขีด

แต่ไม่ว่าเขาจะโกรธพ่อเขาถึงขนาดไหน เขาเองก็เป็นเช่นเดียวกันกับเจียงซิงเฉิง เขาไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเขาเอง

นอกจากนี้เขายังเคยลั่นวาจาสัญญากับอาจารย์ของเขาไปอีกต่างหากว่าเขาจะไม่เข้าคณะเปิดชั่วคราว แต่ตอนนี้เขาต้องผิดสัญญาเสียแล้ว…

เช้าวันรุ่งขึ้นที่สดใส

คฤหาสน์สราญรมย์ เช้านี้ระหว่างที่ทุกคนกำลังรอถังชี่หยุนเริ่มชั้นเรียนตามปกติ เมื่อทุกคนมากันจนครบและในขณะที่ถังชี่หยุนกำลังจะเริ่มสอน

หลิงตู้ฉิงตะโกนขัดขึ้นว่า “ตั้งแต่วันนี้ ชั้นเรียนของครูถังจะไม่เรียนที่นี่อีกต่อไป ชั้นเรียนของครูถังจะถูกย้ายไปสอนที่สถาบันราชวงศ์ในคณะที่ข้าเป็นผู้ดูแล ฉะนั้นบรรดาเหล่าทหารต่อไปนี้หน้าที่ของพวกเจ้าคือมุ่งเน้นไปที่การฝึกกระบวนรบแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนครูถังเนื่องจากที่ข้าต้องรบกวนให้ท่านไปสอนที่สถาบัน ข้าจะสอนวิชาให้ท่านสองวิชาเพื่อเป็นการชดเชย”

จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเดินไปหาถังชี่หยุนเพื่อถ่ายทอดวิชาสองอย่าง วิชาแรกคือ วิชาหลอมผลึกจิต ซึ่งสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพลังจิต วิชาที่สองคือ วิชาวิญญาณคืนสภาพ วิชานี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของวิญญาณได้

ถังชี่หยุนเมื่อได้รับการถ่ายทอดแล้วนางจึงกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ

หลิงตู้ฉิงยิ้มและกล่าวต่อว่า “ด้วยวิชาทั้งสองที่ข้าถ่ายทอดให้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าต้องการให้ครูถังย่นระยะรอบการบรรยายบทเรียนพิเศษให้สั้นลงเหลือทุก ๆ 10 วัน ครั้ง และท่านไม่ต้องกังวล ด้วยสองวิชานี้ท่านจะไม่มีปัญหากับความเสียหายทางจิตวิญญาณแน่นอน”

ถังชี่หยุนยิ้มอย่างมีความสุข “ข้าจะทำตามที่ท่านหลิงสั่ง”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาจึงหันไปสั่งให้เสี่ยวเยว่เฟิงและกงหนิวเตรียมรถม้า

ครู่ต่อมา หลายคนจากสถาบันราชวงศ์ เริ่มทยอยเข้ามามุงดูการบรรยายชั้นเรียนของถังชี่หยุนจากรอบนอกลาน เมื่อมีผู้คนมากขึ้นพวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันเองทำให้มีเสียงค่อนข้างดังไปทั่วบริเวณ

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและส่งสัญญาณไปยังมี่ไลให้ส่งหลิงจู้ให้

เมื่อได้รับหลิงจู้ หลิงตู้ฉิงจึงโบกมันเพื่อสร้างม่านปิดกั้นเสียงของทุกคนที่อยู่รอบนอก เพื่อไม่ให้เสียงคุยของพวกเขามารบกวนชั้นเรียนของถังชี่หยุน

เมื่อม่านกั้นเสียงปรากฏขึ้น ท่าทีของจ้าวปาเทียนก็เปลี่ยนไปและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น ในที่สุดเขาก็ถามเฮ่อเจี้ยนปิงว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าการบรรยายของครูถังทำให้เจ้ารู้สึกถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนไป?”

เฮ่อเจี้ยนปิงยิ้มอย่างขมขื่น “อาจารย์ข้าจะโกหกท่านเรื่องนี้ได้ยังไง แต่ว่าสำหรับบทเรียนในวันนี้ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงต่างจากครั้งนั้นมากขนาดนี้”

จ้าวปาเทียนครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูกังวล “หรือนี่อาจเป็นการลองดูความตั้งใจของผู้สมัคร?”

“ท่านอาจารย์ ข้าควรออกไปเตือนพวกเขาไหม?” เฮ่อเจี้ยนปิงถามอย่างรีบร้อน

จ้าวปาเทียนส่ายหัว “ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถอะ บางสิ่งบางอย่างมันขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิต ยังไงเสียชะตากรรมของทุกคนล้วนขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้ เดี๋ยวมันจะกลายว่าพวกเราเป็นคนไปทำลายแผนการของไอ้เจ้าหนุ่มนั่น”

กลุ่มคนที่ยืนดูอยู่รอบนอก ล้วนมองเข้าไปยังลานบรรยายด้วยสายตาแปลกประหลาด เนื่องจากพวกเขาเห็นทั้งเด็กตัวเล็ก ๆ ที่นั่งฟังบรรยาย และที่สำคัญรวมไปถึงหมิงจู้ที่เป็นดาวเด่นหญิงงามของคณะศาสตร์ยุทธก็ยังนั่งรวมอยู่ในนั้นด้วย

และที่สำคัญบทเรียนที่พวกเขากำลังฟัง มันคือบทเรียนพื้นฐานทั่วไปสำหรับเด็กเท่านั้น

พวกคนที่ถูกบังคับให้เข้าสมัครคณะนี้ เริ่มหน้าเสีย พวกเขาต่างคิดในใจ “นี่มันคณะบ้าอะไรกัน และบทเรียนการสอนระดับต่ำแบบนี้จะสอนไปเพื่ออะไร นี่มันสถาบันระดับสูงสุดของอาณาจักรที่สอนแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ถ้าพวกเขาจะต้องอยู่ในคณะนี้เพื่อฟังบทเรียนแบบนี้ทุกวัน มันจะไม่เป็นการทำลายอนาคตพวกเขาเองหรอกหรือไง?”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ บรรดาคนที่ตั้งใจมาเข้าร่วมก็เริ่มทยอยถอนตัวจากไป

ส่วนบรรดาพวกหัวกะทิ 5 อันดับแรก สีหน้าของพวกเขาเมื่อได้ฟังบทเรียนเช่นนี้นั้นมีแต่ความเหยียดหยาม

พวกเขาทุกคนต่างมองไปยังร่างของจ้าวปาเทียนที่กำลังนั่งฟังบทเรียนอยู่ในลาน ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองที่บังคับให้พวกเขาต้องมาเสียเวลานั่งฟังบทเรียนระดับต่ำแบบนี้

ตอนนี้บรรดาหัวกะทิทุกคนล้วนต่างมีความคิดเดียวกันคือหลังจากวันนี้ พวกเขาทั้งหมดถอนตัวแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)