บทที่ 129 แรงกระตุ้น[รีไรท์]
บทที่ 129 แรงกระตุ้น[รีไรท์]
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ๋นห้าวหมิง กู่เจียเฉิงและคนอื่น ๆ ก็พูดทันทีว่า “อาจารย์ไม่ต้องกังวล พวกเราจะทำให้พวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของเราอย่างแน่นอน!”
“ดีแล้วที่พวกเจ้าเข้าใจ” จิ๋นห้าวหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ต่อไป ข้าจะสั่งให้อาจารย์คณะศาสตร์ยุทธของเรา สอนทุกอย่างที่พวกเขารู้ให้พวกเจ้าให้หมด ซึ่งต่อให้ในอีก 6 เดือนพวกเจ้าจะแพ้ แต่ด้วยความรู้มากมายที่เราจะมอบให้กับพวกเจ้านับตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเจ้าก็ยังถือว่าได้ประโยชน์อยู่มาก และเมื่ออกไปเผชิญโลกภายนอกข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าย่อมจะไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่นแน่นอน”
“ท่านอาจารย์ ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มความสามารถ!” กู่เจียเฉิง และคนที่เหลือพยักหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น
สถานการณ์คล้ายกับคณะศาสตร์ยุทธก็กำลังเกิดขึ้นในคณะอื่น ๆ เช่นกัน บรรดาอาจารย์ทุกคณะต่างให้คำมั่นสัญญากับนักศึกษาว่าภายใน 6 เดือนนี้พวกเขาจะมุ่งมั่นสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับบรรดานักศึกษาของพวกเขารู้ให้ได้มากที่สุด
ไม่มีคณะไหนที่อยากเสียทรัพยากรบ่มเพาะของตัวเองไป และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกมั่นใจว่าโอกาสชนะของพวกเขาค่อนข้างจะริบหรี่ แต่พวกเขาก็หวังว่านักศึกษาของพวกเขาจะสามารถรักษาความภาคภูมิใจในคณะได้และไม่แพ้แบบหมดรูปอย่างที่พวกเขาเผชิญ
ด้วยเหตุนี้บรรยากาศภายในสถาบันจึงคึกคักมากขึ้น แววตานักศึกษาและอาจารย์ทุกคนต่างเปลี่ยนไป มีความมุ่งมั่นมากขึ้น พวกเขาต่างตั้งใจบ่มเพาะและเรียนรู้มากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้จ้าวปาเทียนนั้นมีความสุขมาก
เขารู้สึกภูมิใจในตัวเองที่แผนการของเขาบรรลุไปได้อย่างสวยงาม การก่อตั้งศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้กระตุ้นสถาบันของเขาที่เป็นเหมือนกับปลาที่ใกล้ตายในสระให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นเหมือนเดิม แต่แค่นี้มันยังไม่เพียงพอ!
เขาพูดกับเหลียนปู้ชิง ตู้กู่หยางเจียนและบรรดาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ให้ห้องทำงานของเขาว่า “สหายของทุกคนของข้า ตอนนี้ทุกคนได้เห็นสถานการณ์ของสถาบันราชวงศ์เราแล้ว ข้าหวังว่าพวกเราคนรุ่นหลัง จะเข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ พวกท่านควรเผยตัวและกลับไปยังคณะของพวกท่านเองเพื่อสั่งสอนความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดของตัวเองให้กับนักศึกษาเหล่านั้น”
“ด้วยวิธีนี้นักศึกษาของเราทุกคนจะสามารถพัฒนาระดับของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อการประลองครั้งใหญ่ของระดับทวีปครั้งต่อไปจัดขึ้น ข้าแน่ใจว่าสถาบันราชวงศ์ของเราจะสามารถมีอันดับที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน”
เหลียนปู้ชิงหัวเราะ “อธิการบดีจ้าว ขอให้มั่นใจ ข้าจะกลับไปที่คณะโอสถศาสตร์และส่งต่อความรู้ทั้งหมดที่ข้ามีให้กับบรรดานักศึกษา หลังจากผ่านไปครึ่งปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะนักศึกษาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ และถึงจะต้องพ่ายแพ้แต่ก็คงไม่น่าอายจนเกินไป”
ตันเหรินยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้ว่า ท่านอธิการบดีไม่บอก ข้าเองก็คิดว่าจะกลับไปที่คณะเช่นกัน”
ตู้กู่หยางเจียนหัวเราะ เขาว่า “ตอนนี้ข้าไม่สนใจอีกแล้วว่าคณะของข้าจะแพ้หรือชนะ แต่สิ่งที่ข้าสนใจคือภายใต้การผลักดันของพวกเราร่วมกับคณะศาลาศักดิ์สิทธิ์ สถาบันของเราจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงภายในครึ่งปีอย่างแน่นอน”
บรรดาผู้อาวุโสส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องทำงานของจ้าวปาเทียนตอนนี้ พวกเขาได้เก็บตัวตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกมาเป็นเวลานานแล้ว และในอดีตพวกเขาทุกคนล้วนเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงของทวีปเทียนหยวน แม้แต่อาจารย์หลาย ๆ คนของสถาบันราชวงศ์ยังเป็นลูกศิษย์ของพวกเขาเอง
เมื่อผู้อาวุโสเหล่านี้เริ่มกลับไปปรากฏตัวยังคณะที่พวกเขาเคยสอน สถานการณ์เช่นนี้ทำให้บรรดาอาจารย์และนักศึกษาต่าง ๆ ล้วนตื่นเต้นและมีความหวังเพิ่มขึ้นในการประลองกับศาลาศักดิ์สิทธิ์กันเป็นอย่างมาก
แต่อันที่จริงถ้าหากพวกเขาได้รู้ว่า ผู้อาวุโสเหล่านี้เองยังต้องไปเข้าฟังชั้นเรียนของศาลาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอด ความดีใจและความตื่นเต้นของพวกเขาในตอนนี้คงได้ลดหายลงไปมากกว่าเจ็ดส่วนแน่นอน
ในอีกด้านหนึ่ง ศาลาศักดิ์สิทธิ์ที่ในตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมใด ๆ ภายในคณะมากนัก
ทุกเช้าจะเป็นชั้นเรียนของถังชี่หยุนตามปกติและในช่วงบ่ายโม่หยูถังจะบรรยายเกี่ยวกับสาระสำคัญของศิลปะการต่อสู้
ส่วนเวลานอกเหนือจากที่ต้องเข้าฟังชั้นเรียนแล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างฝึกฝนตามวิธีของตัวเองตามที่ได้รู้แจ้งหลังจากเข้าเรียนที่คณะนี้
แต่อาจจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างคือ ในทุกครั้งชั้นเรียนจะมีอาจารย์จากคณะอื่นหลายคนมาร่วมชั้นเรียนด้วยเสมอในช่วงแรก ๆ
แต่เมื่อเวลาเริ่มผ่านไป บรรดาอาจารย์ที่เข้าร่วมชั้นเรียนก็เริ่มรู้ตารางการบรรยายชั้นเรียนของถังชี่หยุนและโม่หยูถังว่าที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีการสอนบทเรียนอยู่สองรูปแบบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าเรียนในชั้นเรียนธรรมดาอีกต่อไป พวกเขาจะรอจนกว่าให้ถึงวันที่ถังชี่หยุนจะสอนบทเรียนพิเศษของนาง
และในที่สุดวันที่การบรรยายบทเรียนพิเศษก็ได้มาถึง บรรดาอาจารย์จากคณะอื่น ๆ รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสของสถาบันพวกเขาได้มารวมตัวกันที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าร่วมชั้นเรียน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาตระหนักว่าผู้ที่จะมาบรรยายชั้นเรียนในวันนี้ไม่ใช่ถังชี่หยุน แต่เป็นหลิงตู้ฉิงซึ่งไม่เคยบรรยายมาก่อน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่มีอาการผิดหวัง แต่พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาทุกคนคาดหวังเกี่ยวกับสิ่งที่หลิงตู้ฉิงกำลังจะสอน
หลิงตู้ฉิงที่ยืนอยู่บนเวทีบรรยาย เขาพูดกับทุกคนด้านล่าง “ชั้นเรียนวันนี้ข้าจะเป็นคนสอน ข้ารู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ที่พวกเจ้าจะต้องเข้าใจความหมายของการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นไปในอีกระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าจะชี้แนะให้กับพวกเจ้าทุกคนในอนาคตได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)