พวกเขาทั้งสองคนที่เริ่มกินไปได้สักพัก จนในที่สุดจิ๋นชานและเหมยจู้ก็ไม่จำเป็นต้องถามแล้วว่าทุกคนอ้วนขึ้นได้อย่างไร
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันจนครบ หลิงตู้ฉิงพูดกับทุกคนว่า “พรุ่งนี้หลาย ๆ สำนักจะมาที่ สถาบันราชวงศ์เพื่อรับสมัครลูกศิษย์ พวกเจ้าสามารถไปลองเสี่ยงโชคได้เช่นกันไม่ว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจอย่างไรตราบใดที่พวกเจ้าไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าในอนาคต ข้าก็ไม่มีอะไรขัดข้อง สำหรับคนที่เต็มใจจะอยู่ต่อ ข้าคงจะสัญญากับพวกเจ้าไม่ได้ว่าข้าจะสามารถให้ความรู้พวกเจ้าได้มากกว่านี้รึเปล่า”
“เนื่องจากพวกข้าเองจะไม่อยู่ที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ไปตลอด ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้คาดหวังจากข้ามากเกินไป นี่เป็นทั้งหมดของสิ่งที่ข้าจะบอกต่อพวกเจ้าในวันนี้ ส่วนที่เหลือต่อจากนี้พวกเจ้าก็จงตัดสินใจกันเอาเองว่าจะเอายังไง”
กลุ่มนักศึกษามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน สำหรับสิ่งที่พวกเขากำลังคิดมีเพียงตัวพวกเขาเองเท่านั้นที่รู้
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงรวบรวมทุกคนและประกาศจุดยืนของเขาเรียบร้อย เขาก็พาบรรดาลูก ๆ ของเขากลับคฤหาสน์
ทันทีที่เด็ก ๆ กลับถึงคฤหาสน์พวกเขาก็ยุ่งกับการออกกำลังเผาผลาญพลังวิญญาณส่วนเกินที่มาจากเนื้อกวางวิเศษเพื่อลดน้ำหนัก
แน่นอนว่าพวกเขายังไม่มีความคิดที่จะกล้ากินเนื้อกวางปีศาจที่เก็บไว้ในแหวนมิติต่อ เพราะแค่ที่กินไปวันก่อน พวกเขายังเผาผลาญไม่หมดจนอ้วนเป็นลูกแตงโมอยู่ตอนนี้!
ในวันถัดมาเด็ก ๆ ในคฤหาสน์สราญรมย์ทุกคนต่างก็ไม่ได้ไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับขั้นตอนการเผาผลาญและการกินต่อหมุนวนกันไปเป็นวัฏจักร
สำหรับหลิงตู้ฉิงเขาก็กินเนื้อกวางวิเศษเช่นกัน และยังคอยเฝ้าดูหม้อต้มเลือดอย่างใกล้ชิดเพื่อคอยสังเกตว่ามันหลอมรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกันหรือยัง
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เรียกให้ซือโถวเหวินหยวนเข้ามาพบ และได้มอบภารกิจให้กับเขาไป
ภารกิจของเขาคือการจำกัดระดับการบ่มเพาะของเขาทุกวันและใช้ทักษะการต่อสู้ทุกรูปแบบและเคล็ดวิชาต่าง ๆ ที่เขาเข้าใจเพื่อต่อสู้กับหลิงว่านถิง
แม้ว่าหลิงว่านถิงจะสัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังนภาคราม และนางยังสามารถมองออกถึงทักษะการต่อสู้ของซือโถวเหวินหยวนได้ แต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่ห่างชั้นกันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกแต่นางก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ดังนั้นนางจึงได้แต่พ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช
แต่ถึงแม้ว่านางจะพ่ายแพ้ แต่นางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จากการซ้อมมือกับซือโถวเหวินหยวน เนื่องจากตาเฒ่าผู้นี้นั้นให้ความเคารพและทะนุถนอมนางเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะขยันเข้าโจมตีอย่างหนัก แต่ทุกการโจมตีนั้นจะถูกหยุดลงแทบจะทันทีที่ก่อนจะถึงตัวนาง
อีกวันหนึ่งผ่านไปและเมื่อหลิงตู้ฉิงกลับมาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งเขาก็พบว่ามีนักศึกษาน้อยลงแล้ว
จ้าวปาเทียนกำลังรออยู่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นหลิงตู้ฉิงปรากฏตัวเขาก็อธิบายกับหลิงตู้ฉิงทันที “มีนักศึกษาไม่กี่คนที่เหลืออยู่”
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
จ้าวปาเทียนมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “คนที่จากไปเข้าสำนักทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นบรรดานักศึกษาที่ได้รับคัดเลือกเมื่อต้นปี นอกจากจิ๋นชาน และเหมยจู้แล้ว เกาหยู ก็ยังคงอยู่ที่นี่”
“เกาหยูขี้เกียจเกินไป ไม่มีสำนักใดต้องการเขา เขาจึงถูกมองข้าม ส่วนจิ๋นชานก็ดีกว่าหน่อย เมื่อจิ๋นชานแสดงออกว่าเขาไม่ต้องการเข้าสำนัก ก็ไม่มีใครบังคับเขาอีกต่อไป”
“อย่างไรก็ตาม เหมยจู้นั้นค่อนข้าจะลำบากสักหน่อย เนื่องจากบรรดาสำนักต่างใช้ทั้งไม้อ่อนเพื่อโน้มน้าวนาง แต่เมื่อได้รับการปฏิเสธหนัก ๆ เข้า พวกเขาก็เริ่มใช้ไม้แข็งฉุดกระชากลากถู จนในท้ายที่สุดข้าต้องเรียกใช้หุ่นเชิดที่เจ้าให้ข้ามาเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วน 11 คนแรกนั้นไม่มีใครที่จากไปแม้แต่คนเดียว”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ตามคาด! ข้าเข้าใจความตั้งใจของพวกเขาตั้งแต่แรกเมื่อพวกเขาเข้าสู่ศาลาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนมีเป้าหมายอะไรบางอย่างของตัวเอง! แต่สำหรับจิ๋นชานและเหมยจู้ พวกเขาก็เหมือนกับอีก 11 คนที่ค้นพบเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเอง มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะไม่เลือกที่จะเข้าสำนัก”
จ้าวปาเทียนถอนหายใจและพูดว่า “จริง ๆ แล้วข้ายังหวังว่าพวกเขาจะคงอยู่ที่นี่ต่อไป แต่น่าเสียดายที่ทุกคนมีความทะเยอทะยานของตัวเอง”
หลิงตู้ฉิงเพียงแค่ยิ้มและไม่พูดอะไร
ขณะที่ทุกคนยังคุยกันอยู่ หมิงจู้ก็เหลือบมองออกไปข้างนอกศาลาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นหันไปทางหลิงยู่ชานและพูดว่า “อุ้ย นั่นคนของเจ้านี่นา”
หลิงยู่ชานมองไปข้างนอกตามทิศทางที่หมิงจู้มอง และสังเกตเห็นหวงหลิงซานซึ่งยืนอยู่ข้างนอกกำลังมองเข้ามาในศาลาศักดิ์สิทธิ์
“ข้าไม่สนใจนาง!” หลิงยู่ชานพูด
หมิงจู้พูดว่า “นางคงจะมากล่าวคำอำลาน่ะ เจ้าออกไปพบกันนางเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)