ในลานกลางเรือนของหลิงยู่ชาน ขณะนี้รังไหมสีเลือดที่ปกคลุมรอบตัวหลิงยู่ชานเริ่มมีหมอกสีแดงสดซึมออกมาและอุณหภูมิที่อยู่บริเวณรอบ ๆ รังไหมก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดังมาจากด้านในรังไหมเริ่มที่จะดังรัวขึ้นเรื่อย ๆ
หมิงจู้ ในขณะนี้นางเองก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในบริเวณเรือนของหลิงยู่ชานอีกต่อไปเพราะเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออกและไม่สามารถยืนตัวตรงได้
และที่ด้านนอกของเรือนตอนนี้ก็มีหลายคนที่กำลังเฝ้าดูอยู่ พวกเขาต่างเดาไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากรังไหมเปิดออก
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นขณะที่เดินตรงเข้ามาที่ทางเข้าเรือนของหลิงยู่ชาน “ยู่ชาน เขาไม่สามารถออกมาจากรังไหมนั่นได้ในเร็ว ๆ นี้หรอก เขาจะออกมาได้ก็ต่อเมื่อเขาดูดซับและหลอมรวมเลือดที่ข้าได้ให้เขากินไปจนหมดแล้วเท่านั้น”
“ท่านพ่อ! สามี! ลุงหลิง!” ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกเรือนของหลิงยู่ชานตอบรับ
“เอาล่ะ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปทำสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำกันเถอะ ส่วนยู่ชานหากเขาพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวเขาก็ออกมาเอง” หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปและกดมือของเขาลงบนรังไหมสีเลือด หลังจากส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในชั่วขณะหนึ่งเขาพูดว่า “ยังมีเวลาอีก 3 วันก่อนที่เขาจะออกมาได้ และนอกจากนั้น นอกจากหมิงจู้ พวกเจ้าคนอื่นไม่ควรรอดูตอนที่เขาออกมาจากรังไหม เพราะพวกเจ้าจะได้เห็นเขาแก้ผ้าล่อนจ้อนแน่นอน!”
คนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ไม่ได้สนใจคำเตือนของหลิงตู้ฉิงสักเท่าไหร่
ถ้าเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าแล้วยังไงล่ะ?
หลังจากผ่านไป 3 วัน นอกจากหลิงตู้ฉิงและบรรดาเด็ก ๆ ผู้ชายแล้ว บรรดาเด็กสาวหรือแม้แต่หมิงจู้ก็ไม่ได้รอดูการออกมาจากรังไหมของหลิงยู่ชาน เนื่องจากพวกนางรู้สึกเขินอายเกินไป
แม้ว่านางจะหมั้นกับหลิงยู่ชานแล้วแต่ก็ยังเร็วเกินไปที่นางจะเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของเขา
ในขณะนี้รังไหมสีเลือดได้ลอยขึ้นอยู่ในลานของหลิงยู่ชานสูงขึ้นจากพื้นราว 1 เมตร
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม?” หลิงยี่เทียนถามอย่างสงสัย “แล้วสายเลือดของพี่ใหญ่มันคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้ดูแปลกแต่ในเวลาเดียวกันมันก็ดูทรงพลังมากขนาดนี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อบอกเจ้าไม่ได้หรอก รอไว้ในอนาคตเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถปกป้องตัวเองได้เขาก็จะบอกพวกเจ้าทุกคนเอง”
หลิงยี่เทียนและหลิงว่านจุนส่ายหัวและถอนหายใจ “ท่านพ่อ แล้วเมื่อไหร่พวกข้าจะเริ่มบ่มเพาะกันได้สักที ตอนนี้พวกข้ารู้ว่าการต้องนั่งเล่นหมากรุกทุกวันมันเริ่มจะน่าเบื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างรวดเร็วว่า “พวกเจ้าแตกต่างจากคนอื่น การเล่นหมากรุกของพวกเจ้ามันคือการฝึกฝนทักษะอย่างหนึ่งของพวกเจ้า สำหรับพวกเจ้าการมีทักษะที่เหนือกว่าระดับการบ่มเพาะมันคือเรื่องดี พ่อรับประกันได้หากในอนาคตที่เมื่อไหร่พวกเจ้าบ่มเพาะได้แล้วระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้าดันแซงทักษะของพวกเจ้า ถึงวันนั้นพวกเจ้าจะได้ร้องไห้ออกมาเป็นเลือดแน่นอน!”
หลิงยี่เทียนและหลิงว่านจุนมองหน้ากัน ทั้งสองยังคงส่ายหัวและถอนหายใจ
ไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะพูดอย่างไร พวกเขาก็ยังคงรู้สึกอยากที่จะบ่มเพาะได้เร็ว ๆ สักที เพราะในตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นพี่น้องทุกคนที่สามารถเริ่มบ่มเพาะกันได้หมด พวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวพวกเขาด้อยค่ากว่าหน่อย ๆ แล้ว
ส่วนทางด้านของหลิงเทียนหยุนนั้นเขาไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่เขาเห็นอยู่
เขาจ้องมองไปที่หลิงยู่ชานด้วยความสงสัยซะมากกว่า เขาสงสัยว่าถ้าหากรังไหมสีเลือดและหมอกเลือดที่แพร่กระจายออกมาจากมันไม่ได้ถูกพ่อของเขาสกัดกั้นไว้ มันคงจะกระจายไปมากกว่านี้
และเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจคงจะต้องทำให้คนทั้งคฤหาสน์ต้องทนไม่ได้แน่นอน นี่มันคือสายเลือดอะไรกันถึงได้มีความน่ากลัวได้ขนาดนี้?
ถ้าหากเหล่าศัตรูมาเจอกับความสามารถของสายเลือดพี่ชายเขาแบบนี้ คนพวกนั้นจะเอาอะไรมาสู้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)