หลิงตู้ฉิงนั่งรถม้าของเขามาส่งจ้าวเหมิงลู่ที่ตระกูลจ้าว
เมื่อเสร็จนางเสร็จ
เขาได้มุ่งหน้าต่อไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์
ในคฤหาสน์ตระกูลจ้าว จ้าวปาเทียนขมวดคิ้วและถามขึ้น “นี่เจ้ากลับมาทำอะไรที่นี่?”
จ้าวเหมิงลู่ยิ้มและตอบปู่นางทันที “ข้าก็กลับมาที่นี่เพื่อช่วยพวกท่านยังไงล่ะ”
จ้าวเทียนจุนที่อยู่ด้วยในตอนนี้ขมวดคิ้วเช่นกันและถามขึ้น “เจ้าจะช่วยพวกเราด้วยอะไร? ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดเป็นอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิจะลงมือเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ และอีกอย่างถ้าหากเจ้าไม่กลับมาที่นี่ จักรพรรดิอาจจะมองข้ามพวกเราไปก็ได้ แต่นี่เจ้าดันกลับมาที่นี่ซะอย่างนั้น ข้าเกรงว่าจะต้องมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่นี่เพื่อจับตัวเจ้าเป็นตัวประกันเพื่อใช้ต่อรองกับสามีของเจ้า!”
จ้าวเหมิงลู่น้อยใจเล็กน้อย “ท่านหมายความว่าข้าไม่ควรกลับมางั้นเหรอ?”
จ้าวปาเทียนพูดด้วยน้ำเสียงกระอักอ่วน “ความขัดแย้งระหว่างตระกูลเรากับราชวงศ์ ที่มีต่อกันนั้นอย่างมากก็คือความแย้งในเรื่องของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายที่สุดปู่ก็แค่ยอมยุบศาลาศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไป จักรพรรดิก็คงอาจจะไม่ทำอะไรกับเรา แต่ถ้าหากเจ้ากลับมาอยู่ที่นี่แบบนี้ สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับตระกูลเราต่อไปมันจะยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น”
ทุกคนต่างรู้ว่าสถานการณ์ในอาณาจักรจันทราตอนนี้ได้มีการแบ่งฝ่ายแบ่งพวกกันอย่างชัดเจน และในเวลาไม่ช้ามันจะต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นแน่นอน
เนื่องจากความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินมาถึงจุดที่ไม่สามารถประนีประนอมกันได้อีกต่อไปแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลจ้าวที่รู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีกำลังพอจะไปต่อต้านอะไรใครได้ จึงเลือกที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ ที่สุดเพื่อเอาตัวรอด
จ้าวเทียนจุนถอนหายใจและพูดไปทางจ้าวปาเทียนว่า “เฮ้อ…ถ้าข้ารู้มาก่อนว่าเรื่องราวมันจะเป็นแบบนี้ ข้าคงไม่หลงเชื่อท่านอนุญาตให้เหมิงเอ๋อไปแต่งงานกับหลิงตู้ฉิงแน่นอน แล้วดูสิตอนนี้ ด้วยการตัดสินใจของท่านทำให้ตระกูลจ้าวของเราตอนนี้ถูกลากลงไปในวังวนแห่งความวุ่นวายนี้ไปด้วยแถมเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะออกจากวังวนนี้ได้ยังไง”
จ้าวปาเทียนถอนหายใจและตอบกลับ “ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจักรพรรดิจะสามารถไปขอความช่วยเหลือจากคนทวีปอื่นมาได้ เฮ้อ…แต่ก็ช่างเถอะยังไงซะมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้นที่เราจะมาบ่นเรื่องนี้กันเอาป่านนี้”
จ้าวเหมิงลู่มองไปยังปู่และพ่อของนางด้วยสายตาที่ผิดหวังอย่างรุนแรง “ท่านปู่ ท่านรู้ไหมว่าทำไมสามีของข้าถึงไม่ยอมรับท่านสักที? แล้วท่านพ่อ ท่านรู้ไหมว่าทำไมสามีของข้าไม่เคยสนใจท่านเลย?”
จ้าวปาเทียนและจ้าวเทียนจุนต่างมองมายังจ้าวเหมิงลู่โดยไม่ได้ตอบกลับอะไร
“นั่นก็เพราะว่าพวกท่านไม่เคยจริงใจกับเขาเลยยังไงล่ะ หรือต่อให้ท่านจะคิดถึงเขา พวกท่านก็คิดแค่ว่าจะได้รับผลประโยชน์มาจากเขาได้ยังไงบ้าง!” จ้าวเหมิงลู่พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “หรือถ้าจะให้ข้าอธิบายให้ละเอียดก็คือ ท่านเป็นที่เป็นปู่ของข้า สามีของข้าควรจะเรียกท่านว่าปู่เช่นกัน แต่เขาก็ไม่เคยเรียกแบบนั้นเลย”
“แต่ในทางกลับกันสำหรับท่านแม่ทัพหลิงที่สามีของข้าเรียกเขาว่าท่านปู่ ท่านแม่ทัพหลิงยอมลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด เพียงเพื่อที่จะแสดงเจตนารมณ์ว่าเขาต้องการสนับสนุนสามีของข้าและเขายังเตรียมตัวที่จะทำศึกอยู่เคียงข้างสามีข้าโดยไม่ปริปากบ่นแม้สักนิด”
“จากการกระทำของท่านแม่ทัพหลิงเช่นนี้และเมื่อมาเทียบกับสิ่งที่ท่านทำอยู่ การกระทำของพวกท่านทั้งคู่มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ข้าสามารถบอกได้ว่าในเวลาอีกไม่นานพวกท่านจะต้องเสียใจ แต่ตอนนี้ ในเมื่อข้ากลับมาที่นี่แล้ว และข้าได้รับมอบหมายหน้าที่จากสามีของข้าให้มาปกป้องที่นี่ ฉะนั้นพวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกท่าน ข้าจะปกป้องที่นี่อย่างสุดความสามารถ”
“และโปรดพวกท่านออกคำสั่งกับทุกคนในตระกูลด้วยว่านับจากวันนี้ทุกคนจะต้องอยู่แต่ในอาณาเขตของคฤหาสน์เท่านั้น ข้าจะปกป้องแต่เฉพาะคนที่อยู่ในอาณาเขตของคฤหาสน์ หากใครออกไปนอกตระกูลแล้วถูกสังหารหรือถูกจับตัว ก็อย่าหาว่าข้าเลือดเย็นเพราะว่าข้าจะไม่ช่วยเหลือหรือปกป้องพวกเขาทั้งนั้น”
เมื่อจ้าวเหมิงลู่พูดจบ นางก็หันหลังเดินกลับไปยังห้องของนางทันที โดยไม่ฟังคำโต้แย้งอะไรทั้งนั้นของปู่และพ่อของนาง
ทางด้านของจ้าวปาเทียนและจ้าวเทียนจุนต่างรู้สึกมึนงง
“เดี๋ยวนี้นางมีความสามารถพอที่จะปกป้องพวกเราแล้วงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าระดับการบ่มเพาะของนางตอนนี้อยู่แค่ในขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเทียนจุนอุทานถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
พวกเขาทั้งคู่ต่างไม่ทราบว่า ตอนนี้ในร่างของจ้าวเหมิงลู่ได้มีหลิงจู้ซ่อนอยู่ภายใน ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจว่าจ้าวเหมิงลู่เอาความมั่นใจมาจากไหนในการปกป้องพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)