เหลียงซานที่กู่ร้องด้วยความคับแค้นอยู่ในใจ เขารู้ดีคำถามของเขาไม่มีใครที่จะสามารถให้คำตอบได้
จางหมิงที่ยืนอยู่ข้างเขาในเวลานี้ก็กำลังกลืนโอสถเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เมื่อเขามองเห็นรถม้าของหลิงตู้ฉิงที่พุ่งออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ สีหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท พวกเราต้องเตรียมตัวหนีได้แล้ว ถ้าเรารีบหนีไปตอนนี้ พวกเราก็ยังมีโอกาสรอดอยู่!” จางหมิงกล่าวขึ้นกับเหลียงซาน
เหลียงซานที่สายตายังจับจ้องไปที่รถม้าของหลิงตู้ฉิง เขากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น!”
หลังจากพูดจบ เหลียงซานก็กระโดดลงจากหลังคาและเดินกลับเข้าไปในห้องบัลลังก์
เขานั่งลงบนบัลลังก์ด้วยสายตาที่เหม่อลอย
หลังจากนั่งเหม่ออยู่สักพัก เหลียงซานพูดกับจางหมิงที่กำลังเดินเข้ามาหา “ไปเถอะ ข้าขอบคุณที่เจ้าคอยอยู่เคียงข้างรับใช้ข้ามาโดยตลอด แต่ตอนนี้พวกเราคงไม่เหลือความหวังใด ๆ อีกต่อไปแล้ว ด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตครึ่งสวรรค์ของเจ้า มันคงจะไม่ยากนักที่เจ้าจะสามารถหาเจ้านายใหม่เพื่อติดตาม”
จางหมิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า และโค้งคำนับให้เหลียงซานโดยที่ไม่กล่าวอะไรตอบ
“ด้วยการคงอยู่ของเฟ่ยเอ๋อ ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ ตระกูลเหลียงของข้าก็คงไม่เสียหายอะไรมากมาย ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงคนที่เหลือในตระกูลของข้าหรอก” เหลียงซานพูดต่อ “นับตั้งแต่นี้เจ้าจงเดินไปตามหาเส้นทางของตัวเองที่เจ้าต้องการ ข้าเหนื่อย ข้าไม่ต้องการที่จะดิ้นรนอะไรอีกต่อไปแล้ว”
จางหมิงคุกเข่าลงคำนับ และจากนั้นเขาก็ลุกออกจากท้องพระโรงไปอย่างรวดเร็ว
จางหมิงรู้ดีว่าหากเขาค้องการรอดตาย เขาต้องหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ที่หลิงตู้ฉิงยังมาไม่ถึง
เช่นเดียวกับจางหมิง ทางด้านของตระกูลเจิ้น เมื่อเจิ้นฟูเห่าเห็นรถม้าบินออกมาจากคฤหาสน์สราญรมย์ เขาก้มหน้ามองลงพื้นด้วยอารมณ์หม่นหมอง
“สั่งให้ทุกคนไปเก็บของที่จำเป็นและมารวมตัวกันให้เร็วที่สุด พวกเราจะต้องหนีไปจากที่นี่ทันที!” เขาตะโกนสั่งไปยังเจิ้นจางหยู และคนอื่น ๆ ในตระกูล
เจิ้นฟูเห่าเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี ด้วยความขัดแย้งของตระกูลเขาในอดีตที่มีต่อหลิงตู้ฉิงมาหลายปีและยังไม่ได้รับการสะสาง และยิ่งเมื่อเจิ้นป่าเจ่าฟื้นชีพขึ้นมาและบุกไปหาตระกูลจ้าว ความแค้นของพวกเขาก็ยิ่งฝังรากลึก
ในเมื่อตอนนี้ตระกูลหลิงยังไม่ได้ส่งคนมาล้อมตระกูลของเขา ฉะนั้นเขายังมีโอกาสพาตระกูลของเขาหนีรอดได้อยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเขาถูกล้อมนั่นหมายถึงว่าชะตาของพวกเขาจบลงทันที
ไม่ใช่แค่ตระกูลเจิ้นที่คิดเช่นนี้ แต่ตระกูลอื่น ๆ ที่เคยมีข้อพิพาทกับหลิงตู้ฉิงก็คิดเช่นกัน พวกเขาต่างรีบออกจากเมืองหลวงกันอย่างเร่งด่วน
แต่น่าเสียดายที่ในขณะที่พวกเขากำลังหนีออกไปจากเมืองหลวงได้ ข่าวเหล่านี้ก็รู้ไปถึงหูของหลิงเจิ้งสงซะก่อน
หลิงเจิ้งสงเมื่อได้ข่าวเขาก็ทุบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ข้าไม่ให้พวกมันไป! ถ้าพวกมันหนีออกไปได้สำเร็จ พวกมันจะต้องเอาความลับของอาณาจักรไปขายแน่ และมันจะส่งผลร้ายต่ออาณาจักรเราในอนาคต!”
ต่อให้หลิงเจิ้งสงจะสละตำแหน่งของเขาไปทั้งหมดตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วแต่เขาก็ยังคงมีใจรักต่ออาณาจักรของเขาเอง เขาไม่อาจยอมเห็นมันล่มสลายในอนาคตได้
หลิงฉุยฟงส่ายหัวและพูดว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้พวกเรายังคงไปขัดขวางพวกเขาไม่ได้ ข้าเองยังคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อคอยจับตาดูเหล่าเชลยศึกไม่ให้พวกมันคิดต่อต้าน ส่วนท่านเองข้าคิดว่าท่านควรดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวงไม่ให้วุ่นวายไปก่อน”
หลิงเจิ้งสงละล้าละลังอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ออกคำสั่งจับกุมตัวเหล่าตระกูลฝั่งตรงข้ามที่กำลังหนีออกจากเมือง และออกคำสั่งประกาศกฎอัยการศึกภายในอาณาเขตเมืองทั้งหมดแทนเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)