หลิงว่านจุน ในตอนนี้ไม่ได้มองว่านี่คือการเล่นหมากรุกอีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาอยู่ในสนามรบมากกว่า
และตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย เขาจึงพยายามวางแนวป้องกันอย่างสุดชีวิต
หลิงตู้ฉิงที่กำลังรอให้หลิงว่านจุนวางแนวป้องกันใกล้เสร็จ จากนั้นเขาส่งเบี้ยของตนเองบุกเข้าปะทะทันที
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามเริ่มบุกกดดันเข้ามาจนแทบจะจ่อคอหอยเขาอยู่แล้ว เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่หลิงว่านจุนจะต้องตอบโต้ เขาส่งเบี้ยทหารของตนเองที่อยู่ตรงกลางกระดานเข้าปะทะกับเบี้ยทหารของฝั่งตรงข้ามทันที
แต่เมื่อเขาส่งทหารเข้าปะทะ วินาทีต่อมาเบี้ยทหารของเขาก็ถูกทำลายสลายหายไปจากกระดาน
สถานการณ์เช่นนี้เป็นสถานการณ์ที่แปลกเป็นอย่างมาก เนื่องจากตามปกติแล้วมันควรเป็นเบี้ยของเขาที่มันควรจะเป็นฝั่งถูกส่งไปกินเบี้ยของฝั่งตรงข้าม แต่นี่มันกลับกลายเป็นว่าฝั่งของเขาถูกกินไปซะอย่างนั้น
จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ยังคงใช้เบี้ยทหารตัวเดิมบุกตรงเข้ามาทางเลนกลางของกระดานลึกเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งมันดูขัดกับทุกหลักการ การเล่นหมากรุกเป็นอย่างมาก
แต่ถึงแม้ว่าจะเห็นการเดินหมากเช่นนี้ หลิงว่านจุนเองก็ไม่รู้สึกว่ามันไร้เหตุผลหรือขัดกับกฎแต่อย่างใด เขายังคงส่งบรรดาหมากของเขาทุกตัวเข้าระดมโจมตีหมากทหารของหลิงตู้ฉิง
แต่น่าเสียดายที่เบี้ยทหารของหลิงตู้ฉิงนั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสังหาร แม้ว่ามันจะถูกโจมตีโดยหมากประเภทไหนของหลิงว่านจุน มันยังคงเดินหน้าและกินหมากที่เข้าปะทะกับมันอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งหมากทุกตัวที่ถูกกินหายไปนั้นมันยังส่งผลให้เหล่าทหารของหลิงว่านจุนที่ยืนแถวอยู่ด้านหลังค่อย ๆ หมดสติลงไปทีละกลุ่มทีละกลุ่ม
หลิงว่านจุนที่เห็นภาพเช่นนี้ บนหน้าผากของเขาก็เริ่มมีเหงื่อแตกผลักออกมาจนชุ่ม เมื่อเขารู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสอีกแล้วแน่นอน เขาจึงนั่งหลับตาเพื่อรอการถูกพิชิตแต่โดยดี
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงไม่รอช้ากินหมากตัวสุดท้ายของลูกชายเขาอย่างโหดเหี้ยม ส่งผลให้หลิงว่านจุนหมดสติลงไปทันที
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงเองก็ได้นั่งรออยู่ที่จุดนั้นไม่ขยับไปไหน จนหลิงว่านจุนและบรรดาทหารของเขาค่อย ๆ ตื่นขึ้น
เมื่อหลิงว่านจุนตื่นขึ้นและความทรงจำก่อนหน้าที่เขาจะหมดสติได้กลับคืนมา เขาจึงเริ่มตะโกนโวยวายขึ้นทันที “ท่านพ่อ! ท่านน่าไม่อาย! ท่านโกงข้า! มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เบี้ยทหารมันจะเก่งขนาดนั้น?!”
“เจ้าทำหยั่งกะเจ้าไม่เคยแพ้พ่อมาก่อนอย่างนั้นแหละ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “และเจ้าอย่าลืมสิว่าจะมีเบี้ยทหารที่เก่งแบบนี้บ้างไม่ได้หรือยังไง ถ้าให้พ่อยกตัวอย่างก็เช่นเหล่ากองทหารของลุงสามจองเจ้านั่นไงล่ะ”
หลิงว่านจุนเมื่อได้ยินแบบนี้ก็เงียบลง
หลิงตู้ฉิงตบไปที่ไหล่ของหลิงว่านจุน และพูดว่า “เจ้าลองนำหมากกระดานนี้กลับไปทบทวนดูให้ดี ๆ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในอนาคตเป็นอย่างมาก”
หลิงว่านจุนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะ มันถึงเวลาที่พ่อต้องไปแล้ว พวกเจ้าสองพี่น้องระวังตัวกันให้ดี ๆ ด้วยล่ะ” พูดจบหลิงตู้ฉิงก็เดินกลับขึ้นไปบนรถม้าด้วยรอยยิ้ม และกงหนิวก็ลากรถม้าพุ่งขึ้นหายไปบนท้องฟ้าภายในพริบตา
หลิงว่านจุน เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาได้จากไปแล้ว เขาจึงเดินกลับเข้าไปที่เต้นท์บัญชาการ เพื่อทำการวางแผนการรบใหม่ทั้งหมดจากความเข้าใจที่เขาได้มาใหม่จากหลิงตู้ฉิง
ส่วนหลิงยู่ชานเองก็ตามหลิงว่านจุนเข้าไปดูแผนการรบใหม่ในเต้นท์เช่นกัน ส่งผลให้การเดินทัพจึงต้องหยุดลงชั่วคราว
ด้วยเหตุผลที่พวกเขาต้องปรับแผนการรบใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ทางด้านในรถม้า หลิวเฟ่ยเฟ่ยได้ถามหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าสงสัย “สามี หมากรุกนั่นก็เป็นวิถีการบ่มเพาะอีกวิถีหนึ่งอย่างนั้นรึเปล่า?”
“ถูกต้อง!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ซือโถวเหวินหยวนถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ…ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปแค่สามารถบรรลุวิถีการบ่มเพาะจนถึงจุดสูงสุดได้เพียงแค่อย่างเดียวมันก็เป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องสูงสุดแล้ว แต่นี่นายท่านกลับรู้แจ้งไปหมดทุกแขนง นายท่านข้าขอถามท่านสักหน่อยได้ไหม การที่ท่านสามารถเป็นได้อย่างทุกวันนี้ได้ ท่านทำมันได้ยังไง?”
ซือโถวเหวินหยวนนั้นไม่เข้าใจจริง ๆ เนื่องจากแค่เขาเองที่ฝึกวิชาเก้าอักขระมนตราของสำนักเต๋าสวรรค์แค่เพียงอย่างเดียวก็แทบรากเลือดแล้ว
ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีมาแล้วที่เขาฝึกฝนมัน เขาก็ยังเพิ่งบรรลุอักขระได้แค่เพียง 3 คำเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 6 คำเขายังไม่รู้เลยว่าจะบรรลุพวกมันจนครบได้ก่อนที่เขาจะตายหรือเปล่า
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ยากเลย แค่ตราบใดที่เจ้ามีคู่ต่อกรจนมากพอ เจ้าก็จะรู้ทุกอย่างตามไปด้วยเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซือโถวเหวินหยวนก็ยิ่งแสดงสีหน้าเครียดหนัก
ถ้าหากเขาต้องการบรรลุวิชาหลาย ๆ แขนง นี่เขาจำเป็นต้องมีศัตรูเยอะ ๆ งั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)