ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่ตึกหยูอี่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
สัตว์ประหลาดที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นได้กลืนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งหมดในคราวเดียว และยังมีผู้ครอบครองคันธนูปริศนาได้ปลิดชีวิตจื่อคงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียวเท่านั้นจากระยะไกลลิบ โดยไม่มีโอกาสหลบด้วยซ้ำ
เพียงแค่สองเรื่องนี้ก็ทำให้บรรดาผู้คนต่างพูดถึงหมู่ตึกหยูอี่กันอย่างออกรส
ด้วยข่าวที่แพร่กระจายออกไปเช่นนี้ หลายคนที่เคยมีเจตนาอยากจะจับตัวเสี่ยวเยว่เฟิงหรือปล้นชิงสมบัติ จึงไม่กล้าไปที่หมู่ตึกหยูอี่อีก ต่อให้พวกเขาจะเห็นว่าจงขุยได้จากไปแล้วก็ตาม
ส่วนทางด้านหมู่ตึกหยูอี่ ประตูของหมู่ตึกเองก็เปิดอยู่เสมอราวกับว่ายินดีต้อนรับ และท้าทายให้ทุกคนเข้ามา
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ยิ่งไม่มีใครกล้าที่จะก้าวเข้าไป
แม้ว่าชื่อเสียงของหมู่ตึกหยูอี่จะเป็นที่โจษจันกันไปทั่วแล้ว แต่ก็มีบางคนที่ไม่กลัวความตายเช่นกัน
คนเหล่านี้เป็นพ่อค้าตามท้องถนนที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่ตึกหยูอี่
หลายคนต้องทำงานหนักทั้งชีวิตกว่าที่จะได้มีร้านเล็ก ๆ ของตัวเองในเมืองเจินไห่ ซึ่งเป็นเหมือนสมบัติอันล้ำค่าที่สุดในชีวิตของพวกเขา
แต่แล้วมาอยู่วันหนึ่ง จู่ ๆ พวกเขากลับต้องพบกับหายนะที่ไม่คาดคิด สัตว์ร้ายตัวมโหฬารกลับมาทำให้เรือนของพวกเขาพังทลายและสินค้าในร้านก็เสียหายไปจนหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้มันทำให้ความพยายามทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขากลายเป็นไร้ค่า
นี่ยังไม่รวมกับแม้แต่ตัวของพวกเขาเองก็เกือบจะถูกกินไปด้วย แต่โชคยังดีที่พวกเขายังสามารถมีชีวิตรอดมาได้
หลังจากที่รอดชีวิตมาได้ สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกก็คือดีใจที่ตัวเองยังไม่ตาย อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือนและร้านของตัวเอง ความโกรธและความเสียใจของพวกเขาก็ปะทุขึ้นจนแทบจะอกแตกตาย
หลายคนไม่กล้าที่จะไปที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อโต้แย้ง แต่มันก็ยังมีบางคนที่ไม่กลัวความตายที่มาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย
ในเมื่อทุกสิ่งที่พวกเขาสร้างมาทั้งชีวิตได้สลายหายไปหมดแล้ว พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรอีก?
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากมาถึงหมู่ตึกหยูอี่ แล้วจะมีชายชราคนหนึ่งที่ออกมารับปากกับพวกเขาว่าเต็มใจจะชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ทั้งหมด
แน่นอนว่าชายชราผู้นั้นก็คือ ซือโถวเหวินหยวน
“พาข้าไปดูร้านของเจ้าก่อน ถ้าทุกสิ่งเป็นไปตามที่พวกเจ้าบอกข้าจะชดเชยให้อย่างยุติธรรมแน่นอน” ซือโถวเหวินหยวนพูดอย่างหมดหนทาง
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะสูงกว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเรียกร้องค่าชดเชย แต่เขาก็เกิดในสำนักเต๋าสวรรค์และไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำให้สำนักเต๋าสวรรค์เสียหน้าไป
2-3 วันที่ผ่านมาเขายุ่งอยู่กับการจ่ายค่าชดใช้ค่าเสียหายเพียงอย่างเดียว
ราคาของการชดใช้ค่าเสียหายนั้นมันมากเอาการ เขาต้องเสียไปทั้งสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ที่พังไปทั้งสองชิ้น เหรียญคริสตัลและโอสถวิเศษอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
แต่โชคก็ยังเข้าข้างเขาอยู่บ้างที่แหวนมิติที่เขาได้รับมาจากหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นของจางหาน
ในฐานะผู้นำของตระกูลจาง แหวนมิติของจางหานนั้นเทียบเท่ากับขุมสมบัติขนาดย่อม ๆ
แต่ถึงแม้ว่าในแหวนมันจะสมบัติอยู่เยอะ แต่ความเสียหายที่เขาสร้างมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ ส่งผลให้ตอนนี้ทรัพย์สินที่มีในแหวนก็เริ่มร่อยหรอลงเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นเหล่าสมับติที่ตัวเองได้รับมาหลุดลอยไป ซือโถวเหวินหยวนก็แทบร้องไห้ เขาเกลียดตัวเองว่าทำไมถึงไม่ควบคุมอสูรกลืนสวรรค์ให้ดีในตอนนั้น?
ถ้าเขาไม่ยืนเป็นไอ้โง่และปล่อยให้อสูรกลืนสวรรค์ทำตามอำเภอใจ ตอนนี้เขาก็คงจะร่ำรวยไปแล้วหรือเปล่า?
จนเวลาผ่านไป 5 วัน ในที่สุดเขาก็จ่ายครบทุกอย่าง ไม่ต้องพูดถึงสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ที่พังไปทั้งสองชิ้น เขาได้จ่ายค่าชดเชยด้วยทุกสิ่งที่มีภายในแหวนมิติของจางหาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)