ในช่วงเวลาชีวิตที่แล้วซึ่งมีหลายสิ่งมากมายเกิดขึ้นกับหลิงตู้ฉิง
ในช่วงเวลานั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย
แต่หลังจากที่ได้ฝึกฝนเต๋าตู้ฉิง เขาก็เริ่มเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาเข้าใจ คนที่เขารักก็ได้จากไปแล้ว
แม้ว่าจะมีวิธีการบางอย่างที่จะทำให้เขาสามารถพบกับบุคคลที่เขานึกถึงได้ แต่มันก็ยังคงไม่สามารถทำให้พวกเขาอยู่ร่วมกันได้อย่างเช่นคนปกติ
หลิงตู้ฉิงยังคงรู้สึกผิดหวังและเสียใจอยู่ลึก ๆ ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้รับมาเช่นนี้ เขาจึงพยายามทะนุถนอมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นอย่างดีที่สุด
และแต่แล้วในที่สุดวิชาที่มี่ไลได้รับการฝึกฝน ซึ่งก็คือวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยน
มันทำให้เขาได้พบกับกลิ่นอายของตัวตนบุคคลที่ในอดีตมีความสำคัญกับเขา ซึ่งมันทำให้อารมณ์ของเขาปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน ส่งผลให้พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ถูกดูดเข้าไปในห้องของมี่ไลอย่างรุนแรง และเนื่องจากที่สวนด้านหลังนั้นได้มีการวางค่ายกลสำหรับรวบรวมพลังวิญญาณอยู่ด้วยกระแสพลังวิญญาณที่ผันผวนอยู่จึงไหลแรงเป็นพิเศษ
เหตุการณ์นี้ทำให้กระแสพลังวิญญาณในเมืองเจินไห่เริ่มผันผวนขึ้นอีกครั้ง ในตอนแรกเมื่อหลายคนเห็นว่าพลังวิญญาณในหมู่ตึกหยูอี่หยุดพุ่งพล่าน พวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปเยือนหลิงตู้ฉิง
ตัวอย่างเช่น เสี่ยวหยูฉิงที่เพิ่งจากไปก็อยู่ในห้วงความคิดนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขายังไม่ทันได้เดินกลับไปที่หมู่ตึกหยูอี่ เขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขารู้ว่าเรื่องต่าง ๆ ยังไม่จบ
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความผันผวนของกระแสพลังวิญญาณ แต่เมื่อพวกนางสัมผัสได้ว่าพลังของค่ายกลกระบี่ที่เปิดใช้งานอยู่ได้จางหายไป พวกนางก็รีบเดินเข้าไปด้านในอาคารและนำแหวนมิติและสมบัติทั้งหมดที่พวกนางรวบรวมได้ไปส่งให้กับหลิวเฟ่ยเฟ่ยทันที “นายหญิงหลิว นี่คือสิ่งที่คนเหล่านั้นทิ้งไว้หลังจากที่พวกเขาตาย”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยพยักหน้าและพูดว่า “วางไว้ตรงนั้นก่อน เมื่อกระแสพลังวิญญาณสงบลงแล้ว พวกเจ้าสามารถผลัดกันฝึกฝนในสวนด้านหลังได้”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่เห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสองสามารถเชื่อใจมอบหมายให้ทำเรื่องต่าง ๆ ได้ นางจึงมอบรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพวกนางเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
เด็กน้อยทั้งสองในขณะนี้ระดับการบ่มเพาะของพวกนางยังคงอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณ ดังนั้นการได้ฝึกฝนภายใต้ค่ายกลผันแปรกระแสวิญญาณ ระดับการบ่มเพาะของพวกนางรวดเร็วขึ้นเป็นอย่างมากจนเรียกได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดก็ไม่ผิด
“ขอบคุณ นายหญิงหลิว!” หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวรีบพูดด้วยแววตาซาบซึ้ง
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าออกไปรับหน้าแขกที่กำลังจะมาก่อน ตอนนี้นายท่านของพวกเจ้ายังคงยุ่งอยู่ ฉะนั้นเราจะยังไม่รับแขกคนไหนไปอีกสักพัก” หลิวเฟ่ยเฟ่ยพูดสั่งขึ้นด้วยความเอ็นดูเด็กทั้งสอง
หลังจากส่งเด็กสาวทั้งสองออกไป หลิวเฟ่ยเฟ่ยก็มองไปที่ห้องของมี่ไลด้วยความประหลาดใจ นางรู้สึกสับสนว่าหลิงตู้ฉิงกำลังทำอะไรอยู่ถึงทำให้เกิดความปั่นป่วนในครั้งนี้
ซึ่งกระแสพลังวิญญาณที่ผันผวนอยู่ในตอนนี้มันมหาศาลถึงขั้นสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามันกำลังหลั่งไหลเข้าไปในห้องของมี่ไล
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็มอบเหรียญตราสำหรับควบคุมค่ายกลกระบี่เหินเมฆาให้กับหลิงเทียนหยุนและเดินเข้าไปในห้องของมี่ไล
ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิงทั้งคู่ต่างไม่สนใจถึงความผันผวนของพลังวิญญาณสักเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)