ขณะนี้หลิงตู้ฉิงตรวจสอบแหวนมิติทีละวงจนเขาได้สะดุดตากับแหวนมิติบางวงที่ได้รับมา ซึ่งทำให้ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที และรีบเดินไปหาหยุนจื่อรุ่ยกับเปียนเฉียวเฉียวพร้อมกับถามว่า “อมนุษย์สองตนที่มีเกล็ดหนาบนร่างกายของพวกเขาอวัยวะภายในของพวกเขาถูกทำลายไปรึเปล่า?”
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวรีบพยักหน้า “นายท่าน นี่ท่านรู้ได้ยังไง? แต่ตัวที่ท่านพูดถึงทั้งสองตัวนั้นได้ตายไปหลายวันแล้ว นายหญิงบอกว่าให้พวกเราลากศพของพวกมันออกไปทิ้งกลางถนน ข้าคิดว่าป่านนี้ศพของพวกมันคงถูกคนอื่น ๆ เก็บไปเรียบร้อยแล้วล่ะนายท่าน”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “งั้นก็ช่างมันไปก็แล้วกัน”
“นายท่านมีปัญหากับอมนุษย์สองตนนั้นงั้นเหรอ?” หยุนจื่อรุ่ยถาม
“สองตนนั้นมาจากเผ่าปีศาจ ร่างกายของพวกมันข้าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ในอนาคตหากพวกเจ้าพบศพที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ อย่าทิ้งมันไป แต่จงเก็บไว้ให้ข้า”
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวรีบพยักหน้า “ถ้าเจอศพแบบนี้อีก พวกเราจะเก็บไว้ให้นายท่านแน่นอน”
แม้ว่าพวกนางจะไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องการศพเหล่านี้ไปทำอะไร แต่พวกนางก็ยินดีทำตามทุกอย่างที่หลิงตู้ฉิงบอก
สำหรับหลิงตู้ฉิง เขาส่ายหัวและกลับไปที่สวนด้านหลัง เพื่อตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในแหวนมิติที่เพิ่งได้รับมาอย่างละเอียดอีกครั้ง
ไม่นานต่อมาจากแหวนมิติ 10 กว่าวง หลิงตู้ฉิงก็ได้เลือกส่วนผสมของโอสถที่แตกต่างกันกว่า 70 หรือ 80 อย่างขึ้นมาแยกไว้ และเดินออกไปตามหาซือโถวเหวินหยวน
“ซือโถว จงออกไปที่หอการค้าอื่น ๆ ในเมือง และถามพวกเขาว่าพวกเขามีไขกระดูกอสูรธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุพันปีขายไหม ถ้ามีก็ซื้อมาให้ข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจถึงราคาว่ามันจะแพงสักแค่ไหนก็ตาม” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
ซือโถวเหวินหยวนมองไปยังหลิงตู้ฉิง และถามอย่างสงสัย “นายท่าน ท่านต้องการหลอมโอสถบำรุงวิญญาณงั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถูกต้อง!”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็มอบเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ 1,000 ชิ้นให้กับซือโถวเหวินหยวน และพูดว่า “ถ้าเงินจำนวนทั้งหมดนี้ยังไม่พอที่จะซื้อมันได้ ตราบใดที่ราคาของมันไม่ได้ไร้เหตุผลจนเกินไปข้าก็ยอมรับได้ เจ้าเพียงแค่นำผู้ขายมาหาข้า แล้วข้าจะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาเอง”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “นายท่าน ข้าเกรงว่ามันอาจจะหายากสักหน่อย ไขกระดูกอสูรธาตุศักดิ์สิทธิ์อายุพันปี นี้ถือได้ว่าเป็นของวิเศษที่มีระดับเกือบจะอยู่ในระดับสวรรค์แล้ว แต่ข้าจะไปดูก่อน ถ้ามีข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเจรจาขอซื้อกับพวกเขา”
หลังจากพูดจบ ซือโถวเหวินหยวนก็รีบออกไปพร้อมกับเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์
ตอนนี้เขาเชื่อฟังหลิงตู้ฉิงมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เขาเห็นอสูรกลืนสวรรค์รวมไปถึงค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าหลิงตู้ฉิงน่ากลัวเพียงใด แม้ว่าเขาจะไม่ได้เผชิญหน้ากับพลังของค่ายกลกระบี่โดยตรง แต่เจตจำนงแห่งกระบี่ของ ค่ายกลกระบี่ที่เขาสัมผัสได้ตอนที่หลบตัวอยู่ในห้อง มันทำให้เขาสั่นกลัวจนแทบไม่กล้าจะหายใจเสียงดังเลยด้วยซ้ำ
เมื่อซือโถวเหวินหยวนจากไป หลิงตู้ฉิงก็ได้หยิบเตาหลอมโอสถขึ้นมา แต่หลอมโอสถระดับต่ำแบบง่าย ๆ ขึ้นมาให้กับหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว เพื่อให้พวกนางนำไปบ่มเพาะและยังถือว่าเป็นการอุ่นเตารอเตรียมที่จะหลอมโอสถบำรุงวิญญาณในช่วงเวลาถัดไป
เนื่องจากโอสถบำรุงวิญญาณนั้นเป็นโอสถที่อยู่ในระดับสวรรค์ ซึ่งต่อให้ตอนนี้เขาจะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 แล้ว เขาก็ยังต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกอย่างก่อนที่จะทำการหลอมมัน
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวที่ได้รับโอสถหลายชนิดจากหลิงตู้ฉิง พวกนางก็รู้สึกตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก พวกนางต่างพากันเดินออกมาจากสวนด้านหลังด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
แต่แล้วเมื่อพวกนางเดินกันออกมาถึงหน้าประตูอาคารด้านนอก พวกนางก็ได้เห็นเสี่ยวหยูฉิงที่กำลังยืนรออยู่ที่ด้านหน้าประตู
“น้องสาว โปรดแจ้งกับนายของพวกเจ้าให้ทีว่าข้า เสี่ยวหยูฉิง มาขอเข้าพบ” เสี่ยวหยูฉิงกล่าวพลางส่งยิ้ม
เปียนเฉียวเฉียวเบนหน้าไปทางป้ายประกาศที่เขียนกฎการเข้ามาในอาคารไว้และพูดขึ้น “ตอนนี้นายท่านกำลังว่างอยู่ แต่ท่านจะต้องทำตามกฎที่เขียนเอาไว้ก่อนท่านถึงจะสามารถเข้าไปได้”
เสี่ยวหยูฉิง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็พยักหน้าเข้าใจและหยิบวัสดุระดับราชวงศ์ขึ้นมา 1 ชิ้นและยื่นให้กับเปียนเฉียวเฉียว จากนั้นเขาก็เดินตามนางเข้าไปพบกับหลิงตู้ฉิงทันที
เมื่อมาถึงสวนด้านหลัง เปียนเฉียวเฉียวได้ส่งวัสดุระดับราชวงศ์ให้กับหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “นายท่าน ชายผู้นี้ชื่อ เสี่ยวหยูฉิง เขาต้องการที่มาเข้าพบกับนายท่านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เสี่ยวหยูฉิงด้วยความสงสัย จากนั้นเขาถามขึ้นว่า “เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
เสี่ยวหยูฉิงพยักหน้าและตอบกลับ “ข้าต้องการถามท่านถึงเรื่องของศิษย์น้องของข้าว่าเขาหายไปไหน? ข้าได้ยินหลายคนพูดว่าเขาได้เข้ามาที่หมู่ตึกหยูอี่นี่ และจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย”
“ศิษย์น้องของเจ้าใช่คนที่ชื่อว่า เสี่ยวเฉินอู่ รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงเหล่ตามองไปยังเสี่ยวหยูฉิง พลางเก็บวัสดุที่เพิ่งได้รับมาเข้าไปในแหวน
เสี่ยวหยูฉิงพยักหน้า “ใช่ พวกเราเป็นศิษย์ของสำนักอักขระวิญญาณ”
“สำนักอักขระวิญญาณของพวกเจ้านี่มันอยู่ที่ไหนกัน?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น และจากนั้นเขาตอบกลับ “เสี่ยวเฉินอู่นั่นตายไปแล้ว เขามาที่นี่เพื่อทดสอบรับยันต์สั่งสวรรค์ ในตอนแรกข้าเห็นว่าเขาดูมีหน่วยก้านไม่เลวข้าเลยเตือนเขาว่าอย่าลอง แต่เขากลับไม่เชื่อข้า และจากนั้นร่างเขาก็สลายหายเป็นฝุ่นผงไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)