หลังจากออกจากหมู่ตึกหยูอี่ เสี่ยวหยูฉิงก็กลับไปที่โรงเตี๋ยมที่อยู่ไม่ไกล และเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นบนสุด
“เป็นยังไงบ้าง? เขาจะให้หรือมีเงื่อนไขอะไรไหม?” ชายชราในห้องถาม
ชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสที่เสี่ยวหยูฉิงพูดถึง เขาคือ ปู้หยุนฟาน เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญ
เสี่ยวหยูฉิงตอบกลับด้วยอารม์ไม่พอใจ “ผู้อาวุโส ไอ้นั่นมันใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว”
ปู้หยุนฟานดูไม่โกรธเท่าเขา และถามอย่างใจเย็น “แล้วยังไง? ผลเป็นอย่างไร?”
“ในตอนแรกเขาปฏิเสธที่จะมอบมันให้เรา แต่เมื่อข้าบอกกับเขาว่าท่านได้นำสมบัติวิเศษระดับเซียนมาด้วย จากนั้นข้าเดาว่าเขาคงถูกสถานการณ์บังคับ เขาจึงยอมอ่อนข้อตกลงให้เราลองเข้าไปทดสอบยันต์สั่งสวรรค์ ตามกฎเดิมที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เคยวางเอาไว้ เขาบอกว่าถ้าเราสามารถนำมันไปได้มันก็จะเป็นของเรา” เสี่ยวหยูฉิงพูดด้วยความรำคาญ “แต่น่าเสียดายที่ยันต์สั่งสวรรค์กลับถูกใช้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะได้มันมามันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
ปู้หยุนฟานยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน แค่มันก็มีจุดน่าสงสัยอยู่ตรงที่ทำไมสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่ได้พาเขากลับไปด้วย และถึงแม้ว่าเขาจะใช้ยันต์สั่งสวรรค์ไปแล้ว แต่มันก็คงไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก”
“ข้ามั่นใจว่าสำนักของเราสามารถที่จะลบล้างสิ่งที่เขาได้ประทับลงไปในยันต์สั่งสวรรค์ได้โดยไม่ทำให้ยันต์เสียหาย”
“นอกจากนี้นี่คือยันต์สั่งสวรรค์ที่สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาที่อยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ ไม่ว่าเขาจะประทับอะไรลงไปที่มันซับซ้อนสักแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของยันต์สั่งสวรรค์ทั้งหมดได้ และมันจะมีประสิทธิภาพน้อยลง”
ในความเป็นจริงพวกเขารู้มานานแล้วว่ามียันต์สั่งสวรรค์อยู่ในเมืองเจินไห่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามกว่า 1,000 ปีที่แล้ว สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคำเชิญให้ผู้อาวุโสของพวกเขาไปเยือน
และหลังจากที่ผู้อาวุโสของพวกเขาได้เดินทางไปเป็นเวลาประมาณร้อยปี ผู้อาวุโสของพวกเขาก็กลับมา
หลังจากที่ผู้อาวุโสผู้นั้นกลับมา เขาสั่งห้ามทุกคนไม่ให้มาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทำลายค่ายกลที่ไว้ใช้ยับยั้งยันต์สั่งสวรรค์
แต่เมื่อผู้อาวุโสท่านนั้นเสียชีวิตเมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากนั้นผู้คนของสำนักอักขระวิญญาณก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสท่านนั้นอย่างจริงจังอีกต่อไป และพวกเขาก็เริ่มส่งคนมาที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อพยายามหาทางครอบครองยันต์สั่งสวรรค์
และด้วยกฎที่หมู่ตึกหยูอี่ได้วางเอาไว้ว่าใครก็ตามที่มีความสามารถพอคนผู้นั้นก็จะได้รับมัน และสำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ล่าสุดพวกเขาถึงขั้นส่งสุดยอดศิษย์อัจฉริยะของพวกเขา เสี่ยวเฉินหยูมาที่หมู่ตึกหยูอี่ เพื่อทดสอบรับยันต์สั่งสวรรค์
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเฉินหยูจะตายโดยไม่ได้รับยันต์สั่งสวรรค์มา แน่นอนว่าถ้าคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังคงควบคุมหมู่ตึกหยูอี่อยู่ พวกเขาจะไม่มีทางกล้าทวงถามหาความรับผิดชอบเช่นนี้
ประเด็นสำคัญคือยันต์สั่งสวรรค์ถูกใครบางคนเอาไปและคนผู้นั้นยังคงรั้งอยู่ที่หมู่ตึกหยูอี่ และผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ดูมีท่าทีไม่ได้สนใจ ‘บุคคลที่ถูกชะตากำหนด’ ของพวกเขามากสักเท่าไหร่นัก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สำนักอักขระวิญญาณของพวกเขาจึงได้เริ่มเคลื่อนไหว
เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติอันล้ำค่าเช่นยันต์สั่งสวรรค์ พวกเขาไม่ลังเลที่จะนำสมบัติวิเศษที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของสำนักมายังเมืองเจินไห่
ซึ่งแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งในอาณาเขตนภาจะเข้ามาขัดขวาง แต่พวกเขาก็ไม่กลัวเนื่องจากด้วยสมบัติวิเศษระดับเซียนที่พวกเขานำมาด้วยแล้วผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ใช้มันยังอยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญอีกต่างหาก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวหยูฉิงจึงดูสงบมาก ในขณะที่เขาไปที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อเจรจาเกี่ยวกับยันต์สั่งสวรรค์
“ท่านผู้อาวุโสเราจะไปเอายันต์สั่งสวรรค์เมื่อไหร่ดี?” เสี่ยวหยูฉิงถามอย่างตื่นเต้น “พูดตามตรงนะท่านผู้อาวุโส ข้าตื่นเต้นจริง ๆ ที่จะได้เห็นมันกับตาของตัวเอง เนื่องจากข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”
เนื่องจากยันต์สั่งสวรรค์ยังอยู่ในสภาพดีและดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาคงได้รับมันมาอย่างง่ายดายแน่นอน เสี่ยวหยูฉิงจึงมีท่าทีไม่กังวลอะไรแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)