ผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เพิ่งมาถึงต่างไม่พอใจกับการกระทำของคนในหมู่ตึกหยูอี่
ถึงแม้ว่าจะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ชัดเจนเกี่ยวกับฐานะของหญิงสาวชุดดำ แต่พวกเขาก็ยังอดโกรธไม่ได้ที่บุคคลเช่นนี้จะได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาได้ถึงขนาดนี้
ในสายตาของพวกเขานี่มันคืออาชญากรรมที่ร้ายแรง
บนท้องฟ้า ไป๋หยูหมิงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ เนื่องจากตอนนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเหล่าคนระดับสูงของสำนักมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนผู้นี้ ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มันมีค่ามากขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?
ถ้าพวกเขาให้ความสำคัญมากขนาดนี้ ทำไมในตอนแรกพวกเขาถึงไม่พาไอ้คนคนนี้กลับไปด้วยกันล่ะ?
แต่สิ่งที่ไป๋หยูหมิงไม่รู้ก็คือเพื่อที่จะส่งข่าวการพบตัว ‘ผู้ถูกชะตาลิขิต’ กลับไปที่สำนักอย่างรวดเร็ว จงขุยจึงต้องรีบกลับไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จนมันกลายเป็นเหมือนว่าในสายตาคนนอกพวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับหลิงตู้ฉิงมากนัก และเหตุผลอีกอย่างก็คือ จงขุยได้พยายามชวนให้หลิงตู้ฉิงกลับไปด้วยแล้วแต่ว่าเขากลับปฏิเสธ
นอกจากนี้ หลิงตู้ฉิงยังแสดงความสามารถที่แข็งแกร่งกว่าให้จงขุยเห็น จนทำให้จงขุยรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะรั้งอยู่ที่นี่แต่มันก็คงไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรมากนัก
แน่นอนว่ามีอีกสาเหตุหนึ่งคือ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต้องการทดสอบความสามารถของหลิงตู้ฉิงด้วย
ถ้าหลิงตู้ฉิงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เขาจะต้องเผชิญหลังจากที่จงขุยจากไปได้ แล้วหลิงตู้ฉิงจะมาช่วยแก้ไขปัญหาของสำนักพวกเขาได้อย่างไร? ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทิ้งคำเตือนต่อผู้คนทั่วไปใด ๆ ไว้ก่อนจากไป เพื่อดูว่าหลิงตู้ฉิงสามารถรอดพ้นจากความวุ่นวายที่ตามมาได้หรือไม่?
เป็นเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้สำนักอักขระวิญญาณเข้าใจผิดและกล้าที่จะวางแผนลงมือกับหลิงตู้ฉิงมิ ฉะนั้นพวกเขาจะกล้ารุกรานแขกของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
แต่ปัญหาคือตอนนี้พวกเขาได้ทำให้หลิงตู้ฉิงขุ่นเคือ งและผู้คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็มาแล้ว พวกเขาควรทำอย่างไรต่อไป?
แม้แต่สีเป่ยเซียะก็ยังตกตะลึง นับประสาอะไรกับไป๋หยูหมิง
สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ถึงขนาดส่งกลุ่มคนระดับสูงขนาดนี้ เพื่อมาดูแลบุคคลผู้นี้ที่ถูกเรียกว่า ‘ผู้ถูกชะตาลิขิต’ งั้นเหรอ?
ในกลุ่มคนของสำนักอักขระศักิ์สิทธิ์ที่มา ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของหญิงสาวชุดดำนั้นจะไม่สูงนัก นางอยู่ที่จุดสูงสุดขอบเขตรวมแสงดาราเท่านั้น แต่ลายปักบนหน้าอกของนางแสดงให้เห็นว่าสถานะของนางต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
นอกเหนือจากสถานะของนางแล้ว หนึ่งในสองคนรับใช้ของนางยังอยู่ในขอบเขต เหนือล้ำ ในขณะที่อีกคนหนึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับหลุดพ้นสามัญ และเมื่อรวมกับอาวุธวิเศษระดับเซียนทั้งสองชิ้น มันจึงทำให้คนรับใช้ทั้งสองนี้สามารถปลดปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมาได้อย่างน่าตกตะลึงแน่นอน
แต่คนที่มองข้ามไม่ได้ที่สุดก็คือชายชราและหญิงวัยกลางคน การบ่มเพาะของหญิงวัยกลางคนนั้นสูงมากจนแม้แต่นางที่อยู่ในระดับนักบุญก็ไม่สามารถมองเห็นระดับของนางได้ชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางเป็นผู้เชี่ยวชาญเหนือระดับนักบุญ
นอกจากนี้ สีเป่ยเซียะยังเห็นได้ชัดเจนจากด้านข้างว่าคนที่ลงมือเมื่อครู่ก็คือหญิงวัยกลางคนผู้นี้ที่ส่งผู้เชี่ยวชายระดับเหนือล้ำทั้งสองคนปลิวกลับไปหาไป๋หยูหมิง แถมยังลบล้างพลังของไป๋หยูหมิงซึ่งอยู่ในระดับนักบุญ ให้หายไปได้อย่างง่ายดายอีกต่างหาก
นี่คงจะเป็นความแข็งแกร่งของสำนักมหาอำนาจสินะที่เวลาไปไหนมาไหนก็สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับเหนือกว่านักบุญมาได้อย่างง่าย ๆ ถึง 2 คน?
สีเป่ยเซียะร่อนลงบนพื้นและทักทายกับหญิงสาวชุดดำด้วยรอยยิ้ม “สีเป่ยเซียะ แห่ง สำนักสายธารทองคำ ขอทักทายสหายผู้บ่มเพาะสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์!”
หญิงสาวชุดดำไม่สนใจเกี่ยวกับการทักทายของนางแม้แต่น้อย นางยังคงคิดถึงเรื่องที่ถูกหลิงตู้ฉิงปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าพบ สำนักสายธารทองคำคืออะไร? นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนและนางก็ยังรู้สึกขัดแย้งกับการที่หลิงตู้ฉิงปฏิเสธที่จะพบนาง!
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวชุดดำยังไม่สนใจนาง สีเป่ยเซียะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะไม่มีทางเลือกและส่งข้อความทางโทรจิตไปบอกหญิงสาวชุดดำอีกครั้ง เกี่ยวกับสถานะตัวตนของนางอีกสถานะหนึ่ง
จากนั้นใบหน้าของหญิงสาวที่สวมชุดสีดำเผยให้เห็นความประหลาดใจ นางหันกลับมาและพูดว่า “สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เย่ชิงเฉิง คารวะพี่สาว!”
สีเป่ยเซียะโบกมือเบา ๆ ส่งสัญญาณให้เย่ชิงเฉิงไม่เปิดเผยตัวตนของนาง จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องสุภาพกับข้ามากนักหรอกน้องสาวเย่ แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง เมื่อครู่เจ้าทำเอาข้าสงสัยอยู่นานสองนานว่าเป็นหญิงงามที่ไหนกันแน่ที่มาถึงที่นี่ ว่าแต่น้องสาวเย่ ตอนนี้พี่สาวคนนี้ดำรงตำแหน่งเป็นองค์หญิงใหญ่ของอาณาจักรอี้จิ๋น ถ้าเจ้ามีเวลาเจ้าสามารถมาเยี่ยมข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ อ๋อ และอีกอย่าง ที่นี่ยังคงอยู่ในอาณาเขตของอาณาจักรอี้จิ๋น ถ้าพี่ชายของข้ารู้ว่าน้องสาวเย่อยู่ที่นี่ เขาจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”
เย่ชิงเฉิงยิ้ม “ในอนาคตข้าจะต้องไปแสดงความเคารพต่อพี่สาวอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ข้ายังคงมีธุระที่ต้องสะสางให้เสร็จซะก่อน เมื่อเสร็จธุระเมื่อไหร่ข้าจะหาโอกาสไปคุยกับท่าน!”
สีเป่ยเซียะส่ายหัว “ข้ารู้ว่าน้องเย่ต้องการคุยกับ ‘ผู้ถูกชะตาลิขิต’ ของสำนักเจ้า เดิมทีพี่สาวคนนี้ก็ต้องการตัวคนคนนี้มากและพร้อมที่จะรับเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า แต่ในเมื่อน้องเย่มาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าคงไม่มีโอกาสแน่นอน แต่เจ้าต้องทำใจเอาไว้สักหน่อย คนคนนี้มีลักษณนิสัยค่อนข้างหยิ่งยโส เมื่อตอนก่อนที่เจ้าจะมา เขาเองยังกล้าไล่ตะเพิดข้าออกมาข้างนอกนี่อยู่เลย แต่ถ้าหากเป็นเจ้า สาวงามอันดับหนึ่งแห่งสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ เอาล่ะ พี่สาวจะไม่พูดอีกแล้ว พี่สาวขอต้องขอตัวลากลับก่อนล่ะ”
หลังจากที่สีเป่ยเซียะพูดจบ นางก็พาคนของนางกลับไปที่จวนเจ้าเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)