จากเมืองเจินไห่ที่อยู่ในส่วนทางตอนใต้สุดของอาณาเขตนภา หากเดินทางไปที่เมืองหยูหลัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปนับแสนกิโลเมตรและอยู่ทางตอนเหนือสุดของอาณาเขตนภา
ในระยะทางไกลเช่นนี้ หากผู้เดินทางเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ และบินโดยใช้ความเร็วสูงสุด ระยะเวลาที่เขาจะใช้เดินทางไปถึงเมืองหยูหลันจะอยู่ที่ราว 3 เดือนเป็นอย่างน้อย
แต่สำหรับหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาใช้เวลาเกือบ 6 เดือนกว่าจะไปถึงเมืองหยูหลัน
อันที่จริงด้วยความเร็วของกงหนิว มันคงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนี้ แต่สาเหตุหลักที่การเดินทางล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นก็เพราะความเร็วของซือโถวเหวินหยวนนั้นช้าเกินไป และกงหนิวต้องคอยผ่อนความเร็วเพื่อรอเขา จึงทำให้การเดินทางช้าขึ้น
“เมืองหยูหลัน เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาเขตนภา” เสี่ยวเยว่เฟิงแนะนำข้อมูลคร่าว ๆ ของเมืองให้กับหลิงตู้ฉิง “ที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหยูหลันนั้นมีสำนักทั้งเล็กและใหญ่ตั้งอยู่รายล้อมมากมาย เมืองแห่งนี้นับได้ว่าเป็นเมืองที่พิเศษไม่เหมือนใครเนื่องจากมันเป็นเมืองที่ไม่อยู่ใต้อาณัติของอาณาจักรใด ๆ เลย นอกจากนี้ยังมีการร่ำลือกันว่าในเมืองนี้มีผู้เชี่ยวชาญลึกลับอยู่ผู้หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ซึ่งเป็นตัวตนที่คอยควบคุมดูแลเมืองอยู่ในมุมมืด”
เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเยว่เฟิงและพรรคพวกของนางต้องหลบหนีออกจากภูเขาฟีนิกซ์ ในระหว่างที่หลบหนีอยู่นั้นนางและพรรคพวกจำเป็นต้องทำการบ้านศึกษาสภาพแวดล้อม ประวัติ และสถานการณ์ต่าง ๆ ของสถานที่หลาย ๆ แห่งที่พวกนางจำเป็นต้องเดินทางผ่านหรือมีโอกาสจะได้ไปซ่อนตัว
ไม่เช่นนั้นถ้าพวกนางไม่มีข้อมูลที่มากพอ พวกนางอาจจะเผลอไปทำให้เจ้าถิ่นขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวและจะเดือดร้อนกว่าเดิม
“ประมาณ 3,000 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองหยูหลัน มีสำนักที่ใหญ่ที่สุดคือ สำนักวิญญาณเร้นลับ เจ้าสำนักของสำนักนี้เป็นผู้หญิงและนางมีชื่อว่า เก๋อชิงโห ส่วนระดับการบ่มเพาะของนางจากที่ได้รับข่าวมาล่าสุดก็คือระดับรู้แจ้งขั้นกลาง” เสี่ยวเยว่เฟิงยังคงแนะนำสถานที่และผู้คนให้กับหลิงตู้ฉิง
“สำหรับสำนักอื่น ๆ พวกเขาอ่อนแอกว่าสำนักวิญญาณเร้นลับเล็กน้อย เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเจ้าสำนักส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเหนือล้ำหรือไม่ก็ระดับนักบุญเพียงเท่านั้น”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “แปลกจริง ๆ ที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ได้มาตั้งอยู่ในสถานที่แบบนี้”
มี่ไลถามอย่างสงสัย “สามี มันแปลกยังไงเหรอที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์มาตั้งอยู่ที่นี่?”
ตระกูลมี่ของนางนั้นเป็นตระกูลที่มุ่งเน้นทางด้านการค้าขายเป็นหลัก ดังนั้นนางจึงสนใจในประเด็นของหอการค้าอื่น ๆ เป็นพิเศษ
เย่ชิงเฉิงหันไปมองมี่ไล และตอบว่า “พี่หญิง หอการค้าเชื่อมสวรรค์ เป็นองค์กรการค้าที่มีมาแต่โบราณ พวกเขามีสาขาอยู่มากมายทั่วทั้งมหาอาณาเขตไร้จุดจบเงา เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพวกเขาเป็นเพียงหอการค้าเดียวที่กล้าประมูลของทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้นว่าของหรือสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นของต้องห้าม หรือมันจะทำให้ใครต่อใครต้องขุ่นเคือง”
“ทรงพลังมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ!” มี่ไลอุทาน
จากข้อมูลนี้มันบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของหอการค้าเชื่อมสวรรค์
ความคิดก่อนหน้านี้ที่นางคิดว่าพ่อของนาง เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้วในเส้นทางการค้าแต่เมื่อนางได้มารู้ถึงการดำรงอยู่ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ มันทำให้นางรู้สึกว่านางนั้นอ่อนต่อโลกเป็นอย่างมาก
เนื่องจากในขณะนี้ตระกูลของนางยังคงดิ้นรนอยู่ในทะเลชางหมางที่อยู่ห่างไกลและเล็กจ้อยอยู่เลย แต่หอการค้าเชื่อมสวรรค์กลับกล้าที่จะท้าทายโลกทั้งใบโดยไม่หวั่นเกรงต่อขุมอำนาจใด ๆ ไปแล้ว ความแตกต่างกันขนาดนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ
“สิ่งที่คุณหนูพูดนั้นผิด!” เมื่อเย่หยูหลันซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินการพูดถึงเกี่ยวกับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ นางก็อดใจไม่ได้ที่จะพูดเสริมในสิ่งที่คุณหนูของนางยังไม่รู้ “ที่จริงแล้วมันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ยอมถอยให้กับสิ่งมีชีวิตต้องห้ามอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งมันคือครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่พวกเขาเคยก่อตั้งมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ป้าหลันมีเรื่องแบบนี้หรือ?”
เย่หยูหลันพยักหน้าเล็กน้อย
“สิ่งมีชีวิตต้องห้ามมันคืออะไรงั้นเหรอ?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสเย่ ช่วยบอกพวกเราเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)