ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูด
เพราะแม้จะลองจ้องดูเป็นเวลานาน เย่หยูหลันและโม่เอ๋อก็ยังไม่เห็นอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับเมืองหยูหลันตามที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นมาแม้แต่น้อย
เมืองหยูหลันเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่มานานเป็นหมื่นปี
ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่รูปแบบค่ายกลและสภาพของกำแพงเมืองสีขาวยังคงดูสมบูรณ์แบบ
แต่ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะมีกำแพงเมืองตั้งตระหง่านปกป้องขอบเขตเมืองอยู่รอบด้าน แต่ที่ประตูเมืองก็ไม่มีทหารยามคอยดูแลความสงบ ไม่มีทหารประจำการณ์ใด ๆ ที่ไว้คอยปกป้องเมืองและเมืองนี้ยังเป็นเมืองที่ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าเมือง
สภาพแวดล้อมของเมืองหยูหลันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล มันเป็นเมืองที่คนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถมาและไปได้อย่างอิสระ มันไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ใด ๆ คอยกำหนดคัดกรองผู้มาเยือน
อย่างไรก็ตาม หากมีใครบางคนที่พยายามจะทำลายวิถีความเป็นอยู่ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลของเมืองแห่งนี้ โดยต้องการจะยึดครองมันเอาไว้เป็นของตัวเอง คนผู้นั้นจะต้องพบกับหายนะและจบชีวิตลงอย่างแปลก ๆ
ด้วยเหตุนี้อาณาจักรอื่น ๆ ที่อยู่รายล้อมจึงไม่มีความตั้งใจใด ๆ ที่จะยึดครองเมืองหยูหลันแห่งนี้ไปเข้าร่วมกับอาณาจักรของตนเอง
ถึงแม้จะไม่สามารถยึดครองเมืองทั้งเมืองได้ แต่เหล่าสำนักและบรรดาอาณาจักรทั้งหลายต่างก็มีที่ดินของตัวเองอยู่ภายในเมือง
และทุกคนต่างรู้ดีว่าในเมืองหยูหลันมีกฎเหล็กอยู่ 1 ข้อที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทุกคนต่างรู้กันดีนั่นก็คือ ห้ามมีการใช้กำลังใด ๆ กันในเมืองอย่างเด็ดขาด หากเกิดความขัดแย้งใด ๆ พวกเขาจะต้องไปสะสางกันที่นอกเมืองเท่านั้น หากมีการใช้กำลังกันเกิดขึ้นในเมืองจนก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวาย คนเหล่านั้นจะถูกอำนาจปริศนาลงทัณฑ์ทันที
ขณะนี้กลุ่มของหลิงตู้ฉิงได้เหยียบย่างเข้ามาภายในเขตเมืองหยูหลันเรียบร้อยแล้ว
“หาเรือนสักหลังและปักหลักก่อน!” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
เมื่อได้ยินคำสั่ง เสี่ยวเยว่เฟิงแสดงสีหน้ากระอักอ่วนและตอบกลับว่า “เอ่อ…นายท่าน นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่เมืองหยูหลัน ข้าเองก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับเมืองนี้สักเท่าไหร่…”
“ฮ่า! นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกท่านทั้งหลายมาที่เมืองหยูหลันสินะ หากพวกท่านกำลังหลงทางหรือต้องการคำแนะนำอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ ข้าสามารถแนะนำและเป็นผู้นำทางให้พวกท่านได้ ข้าอาศัยอยู่ในเมืองนี้ตั้งแต่เกิดหากจะพูดถึงความคุ้นเคยที่ข้ามีกับเมืองนี้แล้ว ข้ารับประกันว่าข้าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน!” เด็กชายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ ๆ กับพวกของหลิงตู้ฉิง บังเอิญได้ยินการสนทนาของพวกเขาพอดี เขาจึงถือโอกาสเดินเข้าหาพวกเขาหวังว่าจะได้เศษเหรียญจากการนำทาง
เด็กน้อยผู้นี้ที่ดูแล้วอายุไม่น่าเกิน 10 ขวบ ตัวสูงไม่เกิน 1 เมตรแถมร่างกายของเขายังผอมซูบ ซึ่งมองยังไงก็รู้ว่าขาดสารอาหาร
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “อันดับแรกพาพวกเราไปหาเช่าเรือนกันก่อน จากนั้นเจ้าค่อยเล่าให้พวกเราฟังเกี่ยวกับทุกอย่างที่เจ้ารู้ในเมืองหยูหลัน”
มี่ไลและผู้หญิงคนอื่น ๆ เมื่อเห็นสภาพการแต่งกายของเด็กน้อยผู้นี้ พวกนางก็ถามเขาด้วยความเป็นห่วง “น้องชายเจ้าอายุเท่าไหร่? แล้วเจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
เด็กคนนั้นมองไปที่บรรดาสาว ๆ ที่ถามเขา และพูดว่า “พี่สาวทั้งหลาย แซ่ของข้าคือโม่ แต่ทุกคนเรียกข้าว่าโม่น้อย เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะพาพวกท่านไปหาเช่าเรือนดี ๆ สักหลัง แต่ก่อนจะไปพวกท่านจะว่าอะไรไหมหากข้าจะขอให้พวกท่านจ่ายค่าจ้างเป็นเหรียญคริสตัลระดับวิญญาณให้กับข้าก่อน”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยรีบพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงพวกเราจ่ายค่าจ้างให้เจ้าอยู่แล้วแน่นอน!”
เย่ชิงเฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง นางเผยรอยยิ้มและพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะให้เหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิกับเจ้าไปก่อนล่วงหน้า แต่เจ้าต้องพาเราไปหาเช่าเรือนที่ดีที่สุด!”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็โยนเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิให้โม่น้อยแบบสบาย ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ มี่ไลกับหลิวเฟ่ยเฟ่ยถึงกับพูดไม่ออก หญิงผู้นี้แสดงความร่ำรวยออกมาอีกแล้วสินะ นี่นางถึงกับจ้างเด็กนำทางด้วยเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิเนี่ยนะ? นางรู้บ้างไหมว่ามูลค่าของมันมีค่ามากแค่ไหน?
โม่น้อยรีบเก็บเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างร้อนรน จากนั้นเขาพยักหน้าและพูดด้วยเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้น “ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาพวกท่านไปที่ที่ดีที่สุดในเมืองหยูหลันแน่นอน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)