พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 326

บทที่ 326 บุกเข้าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์
บทที่ 326 บุกเข้าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์

“ใครกล้าบุกรุกสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของเรา!”

ในขณะที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขากำลังเดินเข้าไปในทางเข้าสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนและผู้หญิง 3 คนก็กระโดดออกมา

ระดับการบ่มเพาะของทั้งสามไม่สูงนักและผู้หญิงที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดนั้นอยู่เพียงแค่ขอบเขตรวมแสงดาราเท่านั้น สำหรับอีก 2 คนพวกนางอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณ

ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้พูดอะไร โม่เอ๋อก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บอกเจ้าสำนักของเจ้าให้ออกมาต้อนรับนายท่านของข้าเดี๋ยวนี้!”

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงทั้งสามไม่ได้ทำตามที่โม่เอ๋อสั่ง แต่พวกนางกลับหยุดอยู่นิ่งกับที่ไม่ยอมถอยไปไหน

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจหญิงสาวทั้งสามที่ขวางทางเขา เขาเดินเข้าไปหาพวกนางและถามว่า “เจ้าสำนักของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ข้ามีเรื่องจะคุยกับนาง”

พวกนางทั้งสามไม่ตอบกลับ แต่พวกนางกลับยิงพลุสัญญาณออกไปเพื่อเตือนทุกคนในสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์รู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก

ในไม่ช้า เหล่าผู้คนจากทั่วทั้งหุบเขาบุปผาอนันต์ก็มารวมตัวกัน ซึ่งกลุ่มคนที่โดดเด่นที่สุดก็ไม่พ้นที่จะเป็นกลุ่มหญิงชรา 3 คนที่เดินล้อมรอบผู้หญิงที่แต่งกายด้วยชุดหรูหรา ผู้หญิงคนนั้นถามว่า “พวกเจ้ามีเหตุผลอะไรที่บุกเข้ามาในสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของเรา?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้ามาเพื่อปรึกษาปัญหาบางอย่างกับพวกเจ้าโดยเฉพาะ! เจ้าต้องเป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ เหวินลู่หยาน ใช่ไหม?”

ผู้หญิงคนนั้นคือเหวินลู่หยาน เมื่อนางได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบางอย่าง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปและนางก็พูดว่า “ข้าไม่ต้องการที่จะปรึกษาปัญหาอะไรกับเจ้า โปรดออกไปจากอาณาเขตของสำนักข้าได้แล้ว”

“นี่เจ้าไม่คิดจะฟังอะไรข้าสักหน่อยงั้นเหรอ!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “เฮ้อ…ข้าแนะนำว่าเจ้าควรสั่งเหล่าคนของเจ้าให้ถอยออกไปก่อน ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดนั่นก็คือเจ้าที่อยู่ในระดับหลุดพ้นสามัญขั้นสูงสุด แต่สำหรับสาวใช้ของข้าระดับการบ่มเพาะของนางนั้นอยู่ที่ระดับเหนือล้ำ หากข้าสั่งให้นางโจมตีพวกเจ้า แค่นางคนเดียวก็สามารถจัดการกับพวกเจ้าได้ทั้งหมด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหวินลู่หยานก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที นางตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “นี่เจ้าจะใช้ระดับการบ่มเพาะที่เหนือกว่า ข่มเหงพวกเราสำนักหุบเขาบุปผาอนันต์อย่างงั้นเหรอ?”

โม่เฮ๋อพูดด้วยสีหน้าหมดความอดทน “นายท่านของข้าบอกเมื่อไหร่ว่าเขาต้องการข่มเหงพวกเจ้า? ข้าจะบอกพวกเจ้าให้เอาบุญว่าการที่นายท่านของข้ามาที่นี่มันถือว่าเป็นวาสนาใหญ่หลวงของสำนักของพวกเจ้าแล้ว! และอันที่จริงเจ้าเองก็ไม่ควรจะพูดอะไรยืดยาวให้มันมากความ เจ้าและคนของเจ้าเพียงแค่ฟังคำสั่งของนายท่านของข้าแค่นั้นก็พอ!”

เหวินลู่หยานโกรธมากจนร่างกายของนางสั่นสะท้าน นางพูดอย่างเย็นชาว่า “ก็ได้ ถ้างั้นพวกเจ้าก็ลองพูดมาว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพราะต้องการอะไร!”

หลิงตู้ฉิงมองไปรอบ ๆ พื้นที่ของหุบเขาบุปผาอนันต์ จากนั้นกวาดสายตาไปยังผู้คนรอบข้างและพูดขึ้นว่า “ข้าจะอยู่ที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของเจ้าสักระยะ จงเชื่อฟังข้าแล้วข้าจะมอบผลประโยชน์ที่เจ้าไม่อาจจินตนาการได้แก่พวกเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหวินลู่หยานแทบกระอักเลือดด้วยความโมโห นางตะคอกกลับด้วยสีหน้าที่บูดเบี้ยว “ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะข่มเหงสำนักของข้าถึงขนาดนี้ ก็ได้! ถึงแม้ว่าพวกข้าจะสู้พวกเจ้าไม่ได้ แต่พวกข้าขอสู้จนตัวตายดีกว่าต้องมาเป็นของเล่นให้คนหยาบช้าเช่นเจ้า!”

เมื่อได้ยินเจ้าสำนักของตนเองกล่าวเช่นนี้ขึ้น บรรดาศิษย์ของสำนักทุกคนรวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พวกนางทุกคนต่างหยิบอาวุธออกมาถือไว้ในมือและเตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย!

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซือโถวเหวินหยวนจึงกระแอมสองครั้งและพูดว่า “นายท่าน ข้าคิดว่าตอนนี้อาจมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น! ทำไมท่านไม่บอกเป้าหมายของท่านให้ละเอียดขึ้นสักหน่อยเพื่อให้พวกนางทุกคนในหุบเขาบุปผาอนันต์ไม่เข้าใจท่านผิด?”

ซือโถวเหวินหยวนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี่เกิดจากความเข้าใจผิด

ด้วยความโชคร้ายที่หลิงตู้ฉิงไม่เก่งในเรื่องของการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองต้องการจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจ ซึ่งเขามักใช้วิธีการที่แข็งทื่อและตรงไปตรงมาเสมอ ส่วนโม่เอ๋อด้วยความที่นางยังไม่รู้ถึงความทื่อของในการทำสิ่งต่าง ๆ ของหลิงตู้ฉิง นางจึงเข้าใจผิดและคล้อยตามท่าทีการแสดงออกของเขา ซึ่งมันยิ่งทำให้สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งตึงเครียดมากไปกันใหญ่

ในทางกลับกัน เขาที่ได้ติดตามหลิงตู้ฉิงมาระยะเวลาก็หลายปีแล้ว เขาจึงสามารถคาดเดาบางสิ่งที่อยู่ในหัวของหลิงตู้ฉิงได้บ้าง

เขาไม่คิดว่าการที่หลิงตู้ฉิงมาที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ เพื่อจะมาเสพสุขกับผู้หญิงเหล่านี้ เนื่องจากมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาต้องถ่อมาถึงที่นี่

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่ข้ามาที่นี่นั่นก็เพราะว่าข้าเห็นได้ว่าพวกเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นข้าจึงมาที่หุบเขาบุปผาอนันต์เพื่อช่วยให้สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของพวกเจ้าสามารถกลายเป็นสำนักที่แข็งแกร่งได้ ข้าจะสอนพวกเจ้าถึงการวางแผนต่าง ๆ ข้าจะชี้แนะพวกเจ้าในด้านการบ่มเพาะและให้การสนับสนุนในเรื่องอื่น ๆ อีกที่จำเป็น แต่ในทางกลับกันหลังจากที่สำนักหุบเขาบุปผาอนันต์ของพวกเจ้าประสบความสำเร็จ พวกเจ้าจะต้องติดตามลูกชายของข้าเดินทางข้ามโลกและพิชิตอาณาจักรทั้งหลายไปกับเขา แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะไปที่สำนักอื่น”

หลิงตู้ฉิงรู้ดีว่าหลิงยี่เทียนจะสามารถยึดครองอาณาเขตทะเลชางหมางได้ทั้งหมดภายในเวลาไม่ช้าก็เร็ว และจากนั้นหลิงยี่เทียนจะต้องนำคนของเขาออกมายึดครองอาณาเขตนภาเป็นที่ถัดไป

สำหรับเมืองหยูหลัน หลังจากที่เขาช่วยลั่วหยุนได้สำเร็จ และลั่วหยุนรักษาสัญญาที่จะปกป้องลูกของเขาเป็นเวลา 300 ปี ซึ่งนั่นก็จะเท่ากับเมืองหยูหลันก็เปรียบเสมือนเป็นของหลิงยี่เทียนไปแล้วกลาย ๆ

และเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเมืองหยูหลันแล้ว หลิงตู้ฉิงเองก็ยังต้องการสำนักสักสำนักหนึ่งที่จะคอยเป็นกองกำลังเคลื่อนที่ที่สามารถบุกตียึดพื้นที่ของอาณาเขตนภา จากส่วนของทิศเหนือลงไปทิศใต้เพื่อบรรจบกับหลิงยี่เทียนที่ต้องบุกมาจากทางใต้เพื่อขึ้นมายังทิศทางเหนือเมื่อถึงเวลาที่เขานำคนออกมาจากทะเลชางหมาง ด้วยแผนนี้มันจะทำให้หลิงยี่เทียนประหยัดเวลาในการเข้ายึดครองอาณาเขตนภาได้เป็นอย่างมาก

ในอดีตลูก ๆ ทุกคนของเขาต่างได้รับการชี้แนะและได้รับวิชาการบ่มเพาะไปจากเขาทุกคน ยกเว้นก็มีแต่หลิงยี่เทียนที่เขาสอนให้เพียงวิธีเล่นหมากรุกให้ตั้งแต่ยังเด็ก

และเมื่อหลังจากที่หลิงยี่เทียนได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ยิ่งไม่ต้องการคำชี้แนะของหลิงตู้ฉิงเข้าไปใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)