ขณะนี้หลิงตู้ฉิง และคนอื่น ๆ ก็ได้มาถึงหุบเขาบุปผาอนันต์ แต่เหวินลู่หยานและบรรดาผู้อาวุโสของสำนักนางทุกคนต่างเดินตามประกบติดหลิงตู้ฉิงแทบจะทุกย่างก้าว
ที่พวกนางทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าพวกนางต้องการที่จะปกป้องหลิงตู้ฉิง แต่พวกนางทำเพราะพวกนางกลัวว่า หลิงตู้ฉิงจะทำมิดีมิร้ายกับลูกศิษย์สำนักของพวกนาง
โม่เอ๋อที่เห็นว่าหลิงตู้ฉิงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ นางก็รู้สึกโกรธมาก
ในความคิดของนาง หลิงตู้ฉิงมาที่นี่เพื่อมาช่วยสำนักนี้แท้ ๆ แต่คนของสำนักนี้กลับตอบแทนความหวังดีของเขาด้วยการปฏิบัติตัวกับเขาโดยไม่ให้เกียรติเอาซะเลย
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง ถึงแม้เขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากว่าเขาสัมผัสได้ว่า เหวินลู่หยานและบรรดาผู้อาวุโสของสำนักนางนั้นไม่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับเขาแม้แต่น้อย เขาสัมผัสได้แค่ว่าพวกผู้หญิงเหล่านี้มีแค่ความรู้สึกสงสัยในตัวเขาเพียงเท่านั้น
เมื่อรู้เช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงไม่ได้สนใจอะไรพวกนางนัก
“นำสมบัติวิเศษต่าง ๆ ที่เจ้ามีอยู่ในคลังออกมา เดี๋ยวข้าจะใช้พวกมันวางค่ายกลให้กับสำนักของเจ้า” หลิงตู้ฉิงพูดกับเหวินลู่หยาน “ถึงแม้ว่าข้าจะยังคงรั้งอยู่ที่สำนักของเจ้า แต่ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับสำนักของเจ้า ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงช่วยเหลือแน่นอน แต่ถ้าสำหรับซือโถวและโม่เอ๋อ หากพวกเขาต้องการจะช่วยพวกเจ้า อันนี้ข้าก็จะไม่ห้ามพวกเขาเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เอ๋อเชิดคางขึ้นและพูดขึ้นด้วยยิ้มเยาะ “นายท่าน ข้าจะไม่ลงมือทำอะไรทั้งนั้น!”
ซือโถวเหวินหยวนหัวเราะ “นายท่าน ข้ามีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตครึ่งสวรรค์ ข้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยพวกนางได้กัน”
เหวินลู่หยานพยักหน้า “ข้าต้องขอเวลานำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคนอื่น ๆ ก่อน จากนั้นข้าถึงให้คำตอบกับท่านได้”
“ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าพวกเจ้าน่าจะมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ถ้าเจ้าไม่รีบตัดสินใจให้เร็วก็อย่ามาโทษข้าที่สำนักของเจ้าถูกลบหายออกไปจากโลก” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “และอย่าคิดว่าข้าจะใจอ่อน สำหรับข้า ถ้าสำนักของเจ้าหายไป ข้าก็แค่ไปหาสำนักใหม่เพื่อให้การสนับสนุนพวกเขาต่อก็แค่นั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เหวินลู่หยานมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นนางจึงรีบเดินออกไปคุยกับเหล่าผู้อาวุโสของนางทันที
ครึ่งวันผ่านไป เหวินลู่หยานและบรรดาผู้อาวุโสของสำนักนางก็เดินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงในห้องโถงรับรองหลักพร้อมกับแหวนมิติหลายวง จากนั้นนางพูดกับหลิงตู้ฉิง ว่า “นี่คือวัสดุทั้งหมดที่สำนักของเรามี แต่พวกเราต้องการดูท่านวางค่ายกลจากพวกมัน!”
“ข้าสามารถให้เจ้าดูข้าวางค่ายกลได้ แต่เจ้าจะต้องทำสัญญากับข้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แต่สัญญาที่เจ้าทำมันจะเป็นการทำสัญญาแทนคนในสำนักของเจ้าทั้งหมด เจ้าจะต้องใช้เจตจำนงของสำนักเจ้าในระหว่างการลงชื่อทำสัญญาด้วย หากเจ้าตกลง เจ้ากับคนของเจ้าก็สามารถดูข้าวางค่ายกลได้”
เหวินลู่หยานและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักนาง เมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงต้องการให้สำนักพวกเขาทำสัญญา พวกเขาก็ต่างไม่ได้โต้แย้งอะไร ยังไงซะสำหรับสัญญาแบบนี้มันก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยทำมาก่อนสักหน่อย
หลังจากทำสัญญากันเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงก็เริ่มเลือกเหล่าวัสดุจำนวนมากออกมาทำการสร้างค่ายกลให้กับหุบเขาบุปผาอนันต์
และเมื่อหลังจากที่เลือกวัสดุต่าง ๆ เสร็จแล้ว วัสดุที่เหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง หลิงตู้ฉิง ก็ได้เก็บมันไว้เองสำหรับเป็นค่าจ้างของเขา
แต่เมื่อบรรดาคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ได้เห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่พอใจ พวกเขาต่างพากันคิดก่นด่าในใจ
‘ไอ้คนขี้งกเอ้ย! เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเจ้านั้นร่ำรวยกันจะตาย แต่นี่เจ้ายังทำตัวน่าไม่อายมายึดเอาวัสดุล้ำค่าที่เหลือพวกนั้นจากสำนักของเราไปอีกงั้นเหรอ นี่เจ้าเป็นคนที่ต้องการสนับสนุนพวกข้าจริงรึเปล่าเนี่ย?’
อันที่จริงแล้วการที่พวกเขาคิดเช่นนี้มันก็ไม่แปลก แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลิงตู้ฉิงตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เขาได้รับการจ่ายค่าจ้างแล้ว เขาจะถือว่าการแลกเปลี่ยนกลายเป็นเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเขาและสำนักบุปผาอนันต์จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก
หลังจากวางโครงสร้างของค่ายกลจนเสร็จ หลิงตู้ฉิงพูดกับเหวินลู่หยานว่า “เอาสมบัติวิเศษระดับเซียนของเจ้ามาให้ข้า ข้าจะช่วยเจ้าเชื่อมมันเข้ากับค่ายกล ในอนาคตสมบัติวิเศษชิ้นนี้จะมีไว้ใช้สำหรับเปิดใช้งานค่ายกลและด้วยการเกื้อหนุนของสมบัติวิเศษระดับเซียนที่คอยเกื้อหนุนค่ายกล มันจะยิ่งทำให้อำนาจของมันเพิ่มมากขึ้นจนสามารถปลดปล่อยพลังระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้”
เหวินลู่หยาน เมื่อได้ฟังคำอธิบายเช่นนี้นางก็เข้าใจทันที และยืนสมบัติวิเศษระดับเซียน ไปให้กับหลิงตู้ฉิงอย่างว่าง่าย
เมื่อค่ายกลทั้งหมดถูกจัดวางอย่างเสร็จสมบูรณ์ หลิงตู้ฉิงจึงเดินกลับเข้าไปในห้องของเขา
ภายในห้อง หลิงตู้ฉิงได้คืนสมบัติวิเศษระดับเซียนให้กับเหวินลู่หยาน
เหวินลู่หยานที่ได้รับสมบัติวิเศษระดับเซียนคืนมาแล้ว นางจึงลองส่งพลังวิญญาณเข้าไปในมันและลองทดสอบเปิดใช้ค่ายกลเล็กน้อย และเมื่อนางสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมา นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ด้วยพลังอำนาจของค่ายกลที่ปกป้องสำนักนางที่มีระดับทัดเทียมกับพลังของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หากใครต้องการที่จะมารังแกสำนักของนางนับต่อจากนี้ไป คนเหล่านั้นคงต้องคิดทบทวนอยู่หลายตลบหากพวกเขาวางแผนที่จะทำเช่นนั้น
เมื่อผลลัพธ์ทุกอย่างออกมาเป็นเช่นนี้ ลู่เหวินหยานคุกเข่าลงคำนับขอบคุณหลิงตู้ฉิงทันที “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน คุณชาย!”
เนื่องจากที่ค่ายกลได้ถูกจัดวางเสร็จสิ้นแล้ว และสมบัติวิเศษระดับเซียนที่ไว้ใช้ควบคุมมันก็อยู่ในมือนาง นางจึงไม่กลัวหลิงตู้ฉิงจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับสำนักนางอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)