เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มอับแสง ในที่สุดเด็ก ๆ ก็เสร็จสิ้นภารกิจประจำวันของพวกเขา หลิงยู่ชานกำลังหอบอย่างหนักและหลิงฟ่างหัวก็แข้งขาอ่อนแรง
จากนั้นไม่นาน ทั้งครอบครัวก็พากันไปที่ภัตตาคาร บ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันทั้งหมดรายล้อมอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิงรวมถึงมี่ไล หลิงตู้ฉิงอุ้มหลิงไช่หยุนที่อายุน้อยที่สุดไว้ในอ้อมแขนของเขา
สำหรับหลิงยี่เทียนเขาถูกแบกอยู่บนหลังของหลิงยู่ชาน
ถังชี่หยุนมองไปที่หลิงฟ่างหัว ซึ่งขาของนางกำลังสั่นด้วยอาการอ่อนแรงจากการฝึก ถังชี่หยุนจึงช่วยพยุงนางเดินตามมา สำหรับเด็กคนอื่น ๆ นั้นสามารถเดินได้เอง
เมื่อเห็นดังนั้น มี่ไลจึงถามหลิงตู้ฉิงว่า “นายท่าน ตระกูลของเรา…ข้าคิดว่าในอนาคตเราควรมีรถม้าเพื่อที่จะเดินทางได้สะดวกกว่าเดิม ท่านเห็นด้วยไหมนายท่าน?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ตอนนี้มันยังไม่จำเป็น ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ออกไปไหนกันบ่อย ๆ เมื่อไหร่ที่ข้าต้องการใช้รถม้า ข้าจะหามันเองเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน หน้าที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าคือการดูแลต้นไผ่เซียนสวรรค์ให้ข้า เรื่องอื่นเจ้ายังไม่ต้องไปสนใจ”
มี่ไลพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าได้ใช้เคล็ดวิชาที่ท่านสอน ร่ายลงไปบนต้นไผ่เซียนสวรรค์ได้ 17 ครั้งแล้ว”
17 ครั้งนั่นหมายถึง 17 ปี นางรู้สึกว่าต้นไผ่เซียนสวรรค์เติบโตสูงขึ้นกว่าเดิมได้ระดับหนึ่งแล้ว
“ต้นไผ่เซียนสวรรค์กว่าจะใช้งานได้ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี ตอนนี้เจ้าพึ่งทำให้มันมีอายุได้เพียงแค่ 17 ปี นั้นมันยังไกลจากที่ข้าต้องการอยู่อีกมาก และที่สำคัญเป้าหมายของข้าไม่ใช่แค่ต้นไผ่เซียนสวรรค์อายุ 1,000 ปี แต่ต้องเป็นต้นไผ่เซียนสวรรค์ที่อายุมากกว่า 3,000 ปีขึ้นไปข้าถึงจะพอใจ” หลิงตู้ฉิงพูด
สีหน้าของมี่ไลเปลี่ยนเป็นขมขื่น นางรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที “นายท่าน ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
แม้ว่านางจะใช้เคล็ดวิชาช่วยในการเติบโตของต้นไผ่เซียนสวรรค์วันละร้อยครั้ง นางก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะได้ตามเป้าที่หลิงตู้ฉิงวางไว้
เก๋าหงและคนอื่น ๆ มองไปที่มี่ไลด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเป็นคนที่ได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลมี่และมี่ไลก็เป็นคุณหนูของพวกเขา แต่ตอนนี้มี่ไลได้ปฏิบัติต่อหลิงตู้ฉิงอย่างเคารพ จึงทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักได้ถึงสถานะของหลิงตู้ฉิงที่สำคัญเพียงใดกับตระกูลมี่
ระหว่างที่พวกของหลิงตู้ฉิงกำลังเดินคุยเล่นกันอยู่เพลิน ๆ ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีรังสีสังหารพุ่งเข้ามาทางพวกเขาอย่างกะทันหัน ทำให้บรรดาผู้คุ้มกันและบ่าวรับใช้เริ่มตื่นตัว พวกเขากวาดตามองไปยังแหล่งที่มาของรังสีสังหารนี้ทันทีด้วยสีหน้าระแวดระวัง
เมื่อพวกเขาเพ่งมองไปยังที่มาของรังสีสังหารที่มาจากสุดปลายถนนของอีกฝั่ง พวกเขาก็ได้เห็นชายสามคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงโลหิตค่อย ๆ เดินเข้ามาทางพวกเขาด้วยแววตาโหดเหี้ยม
แสงระเรื่อของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้าส่องประกายตกกระทบลงบนเสื้อคลุมสีแดงส่งผลให้สีของเสื้อคลุมของคนเหล่านั้นยิ่งเหมือนสีของเลือดขึ้นไปอีก
“เสื้อคลุมโลหิต!” จู้กว่างเต๋อกล่าวอย่างเคร่งเครียด “นายท่าน พวกมันเป็นคนจากกลุ่ม ‘เสื้อคลุมโลหิต’ พวกมันเป็นองค์กรนักฆ่าที่ต้องการเพียงเงินเท่านั้น หลังจากได้รับการจ้างวาน พวกมันจะตามฆ่าเป้าหมายโดยไม่มีทางหยุดจนกว่าเป้าหมายจะตาย มีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ต้องตายด้วยน้ำมือของคนกลุ่มนี้”
หลิงตู้ฉิงมองไร้เงาแล้วพูดว่า “ชายทั้งสามคนนี้โง่กว่าเจ้ามากจริง ๆ ดูสิเป็นนักฆ่าซะเปล่ากลับเปิดเผยตัวเอง เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหาเป้าซะอย่างงั้น!”
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องแสดงความคุ้มค่าที่ถูกจ้างมาแล้ว!”
จู้กว่างเต๋อ และคนอื่น ๆ หายใจลึกพร้อมกับพยักหน้าและพูดว่า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง เราจะหยุดพวกเขาได้แน่นอน!”
หลังจากนั้น จู้กว่างเต๋อจึงเริ่มสั่งการ “เจี้ยนหนีฉาง และข้าจะรับมือกับนักฆ่าขอบเขตประสานทะเลปราณ เก๋าหง เจ้าจัดการกับนักฆ่าขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 7 ทางซ้าย และฉีจินสง เจ้าจัดการกับนักฆ่าขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 9 ทางด้านขวา ส่วนไร้เงาเจ้าคอยคุมเชิงอยู่ใกล้ ๆ และคอยหาโอกาสที่จะช่วยพวกเราสามคน”
จากคำสั่งของจู้กว่างเต๋อ พวกเขาห้าคนต้องแยกกันทำหน้าที่
สำหรับฝั่งพวกเสื้อคลุมโลหิตทั้งสาม นักฆ่าทางด้านซ้ายหยิบดาบสองมือออกมาส่วนคนที่อยู่ขวามือนั้นหยิบหอกยาวสีเงินออกมาและนักฆ่าขอบเขตประสานทะเลปราณที่อยู่ตรงกลางนั้นหยิบไม้เท้าสีดำออกมา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร!” หลิงตู้ฉิงกล่าวกับถังชี่หยุนเมื่อสังเกตเห็นว่าถังชี่หยุนวางหลิงฟ่างหัวลง “นี่ถือว่าเป็นการฝึกของพวกเขา ไม่งั้นในอนาคตตัวตนของพวกเขามันจะไร้ค่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)