ลั่วหยุนรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับวิธีการสร้าง ‘สะพานทองคำ’ ที่อยู่ในมือเขา
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่สาบสูญไปหลายต่อหลายอย่างถึงได้มาปรากฏขึ้นจากหลิงตู้ฉิงทีละชิ้น ๆ
และถ้าให้พูดกันตามตรงแล้ว ไม่ว่าสำนักใด ๆ ต่างก็ต้องการวิธีการสร้าง ‘สะพานทองคำ’
เนื่องจากหากสำนักใดที่มันไว้ในครอบครอง มันก็แทบจะการันตีได้ว่าสำนักนั้นจะไม่มีใครสามารถทำลายได้แน่นอน
ดังนั้นถ้าหากเขาได้วิธีการสร้างของมันมา มันไม่สำคัญว่าเขาจะสร้างมันขึ้นมาใช้เองหรือขายมันออกไป มันจะต้องมีราคาที่สูงเสียดฟ้า การได้รับสิ่งนี้มาเป็นค่าตอบสำหรับส่วนแบ่งการประมูลนั้นย่อมถือว่ายิ่งกว่าเพียงพอเสียอีก
ลั่วหยุนเก็บวิธีการสร้างสะพานทองคำ พลางหันหน้าไปยังตวนจู้และพูดว่า “ต่อไปนี้เจ้าคือเป็นศิษย์ของข้าเมื่อเรื่องนี้จบลงข้าจะสอนวิธีการบ่มเพาะให้ และเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ มันเป็นของเจ้าแน่นอน แต่เจ้าเพิ่งได้ยินหลายสิ่งที่เจ้าไม่ควรฟังและข้าต้องลบความทรงจำบางส่วนที่เจ้าไม่ควรรู้ออกซะก่อน”
หลังจากที่ลั่วหยุนพูดจบ เขาได้ส่งจิตสำนึกระดับราชันเข้าสู่ห้วงความจำของตวนจู้ และลบข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ‘สะพานทองคำ’ ออกไปทั้งหมด
“เอาล่ะ คำนับข้าให้เป็นอาจารย์ของเจ้าได้แล้ว!” ลั่วหยุนพูดขึ้น
ตวนจู้รีบคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวต่อลั่วหยุนด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “อาจารย์ ศิษย์ยังไม่รู้ชื่อของท่านเลย!”
ลั่วหยุนดึงตวนจู้ขึ้นมา และพูดว่า “ข้ามีนามว่า ลั่วหยุน และข้าเคยอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิ แต่ตอนนี้ข้ามีเพียงแค่ดวงจิตที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้นความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้จึงอยู่ในขอบเขตราชันขั้นต้นเท่านั้น”
“ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องทำ ฉะนั้นช่วงนี้ข้าอาจจะไม่มีเวลาสนใจเจ้ามากนัก แต่ข้าจะถ่ายทอดวิชา พิรุณวายุแปดทิศ ให้กับเจ้าเอาไว้ก่อน มันเป็นวิชาที่ข้าภาคภูมิใจที่สุด ดังนั้นเจ้าควรตั้งใจฝึกฝนมันให้มาก ๆ หลังจากที่ข้าทำธุระสำคัญเสร็จข้าจะมาชี้แนะให้กับเจ้าอีกที”
แม้ว่าลั่วหยุนจะเอ่ยแบบนี้ แต่ตวนจู้ก็ไม่กล้าที่จะดูแคลนเขา
เพราะแม้ว่าลั่วหยุนจะเหลือเพียงดวงจิต แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงอยู่ในขอบเขตราชัน ซึ่งเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตสวรรค์ทั้งเก้าระดับ ส่วนนางเองนั้นเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเท่านั้น การได้มีอาจารย์เป็นถึงตัวตนระดับนี้มันถือว่าเป็นวาสนาสูงสุดหรือกว่าที่นางจะจินตนาการได้แล้ว
“ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์!” ตวนจู้รีบเอ่ยตอบ แต่เมื่อนางนึกถึงความแปลกประหลาดของหลิงตู้ฉิง นางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “อาจารย์ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมข้าถึงสัมผัสได้แค่ว่าระดับการบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้น?”
ลั่วหยุนถอนหายใจและพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเหมือนกัน ภูมิหลังของเขาลึกลับมาก แต่อย่าตัดสินความแข็งแกร่งของเขาด้วยระดับการบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยระดับของการบ่มเพาะของเขา”
ตวนจู้ยังคงพยักหน้าและถามอีกครั้ง “อาจารย์ อันที่จริงแม้แต่ข้าเองยังรู้สึกว่าของที่ข้าให้กับเขาไปเมื่อครู่นี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่ แต่ทำไมมันดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมากที่ได้มันไป”
ลั่วหยุนขมวดคิ้วและพูดว่า “บางทีเขาอาจจะมีความสุขกับหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นหนึ่งในวัตถุที่ล้ำค่าที่สุดที่ใช้สำหรับสร้างอาวุธระดับจักรพรรดิ”
“เขารู้วิธีสร้างอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ?” ตวนจู้เอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง
“น่าจะอย่างนั้น!” ลั่วหยุนขมวดคิ้ว
“เอาล่ะไปเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเจ้าให้เร็วที่สุด ตอนนี้เจ้าอยู่เพียงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 10 เท่านั้น หากเจ้าต้องการเข้าสู่เขตแดนวิญาณผู้ล่วงลับ ระดับการบ่มเพาะของเจ้ายังต่ำเกินไปแต่โชคดีที่เจ้ายังมีเวลากว่า 10 ปี ซึ่งน่าจะเพียงพอให้เจ้าเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้ทัน”
หลังจากที่ลั่วหยุนพูดจบ เขาก็โบกมือส่งตวนจู้ไปสู่อีกพื้นที่หนึ่งที่เงียบสงบของมหามิติค่ายกลในหอการค้าเชื่อมสวรรค์
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจกับตัวเอง เขารู้สึกขัดแย้งกันมากและไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร
แม้แต่วิธีการสร้าง ‘สะพานทองคำ’ คนผู้นี้ก็ยังมีไว้ในครอบครองอย่างนั้นเหรอ? นอกจากนี้ของสิ่งนั้นมันคืออะไรกัน? ทำไมมันถึงสามารถสร้างร่างแยกที่ดูเหมือนกับร่างต้นแบบได้มากขนาดนั้น?
เขาอยากรู้จริง ๆ แต่หลิงตู้ฉิงไม่ยอมอธิบายอะไรเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย เขาจึงจำใจเก็บความสงสัยทั้งหมดนี้ไว้ในใจ
ในขณะนี้ หลิงตู้ฉิงได้กลับไปที่ห้องพิเศษหมายเลข 1 เรียบร้อยพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
เขาพอใจมากที่ได้รับหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับมัน นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน เสียงของการประมูลแข่งขันกันก็ยังไม่หยุดลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)