เนื่องจากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมืองหยูหลันคงตกอยู่ในความวุ่นวาย หลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้ทุกคนหยุดฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งลงชั่วคราว
ยิ่งไปกว่านั้น เย่ชิงเฉิงยังต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึก วิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทรา อยู่สักพัก ส่วนหลิวเฟ่ยเฟ่ยเองก็ยังต้องบ่มเพาะร่างของนางให้กลายเป็นร่างหยินททิฬ และแม้แต่หลิงเทียนหยุนก็อยู่ในระหว่างการศึกษาความสามารถของสมบัติวิเศษ ‘มายาเที่ยงแท้’ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่สามารถฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้
มี่ไล ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีสิ่งใหม่ ๆ ให้ต้องศึกษา นางจึงกลับไปฝึกทบทวน วิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยน ด้วยตัวเอง
ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ สาธิตให้เห็นถึงแนวทางของวิชาเทวะสี่ฤดูแปรเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว ทักษะของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ส่วนคนอื่น ๆ นอกเหนือจากการคอยควบคุม ‘ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา’ แล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงยังคอยกระตุ้นเสี่ยวหลิงเฟิงให้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เสี่ยวหลิงเฟิงอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 และนางจำเป็นต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 10 กว่าปีเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของนางไปสู่ระดับ 12 จากนั้นนางถึงจะผ่านเงื่อนไขการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับของหลิงตู้ฉิง เพื่อตามหาสิ่งที่สามารถช่วยให้นางบรรลุเข้าสู่ระดับ 13
แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกกว่าทศวรรษ แต่มันก็นับว่าไม่ได้เยอะอะไรเลยสำหรับการบ่มเพาะจากระดับ 10 ไปสู่ระดับ 12
แต่โชคดีที่นางยังมีพี่สาวที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งคอยให้คำชี้แนะแก่นาง ดังนั้นการบ่มเพาะของนางจึงเป็นไปอย่างไม่ช้าเกินไป
แน่นอนในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงกำลังสอนเสี่ยวหลิงเฟิง นางก็ไม่ลืมที่จะแนะนำหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว
ส่วนทางด้านปิงยู่หลางและสีอี้เฉิงที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในเรือน ในช่วงเวลาที่ว่างเช่นนี้พวกเขาจึงเริ่มทำควาทสนิทสนมกับหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง ซึ่งพวกเขาก็ยังคุยกันเกี่ยวกับการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ
เนื่องจากหลังจากที่พวกเขาได้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าอัจฉริยะจากทั่วทุกสารทิศเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติวิเศษที่พวกเขาหมายปอง
เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในเรือนบนยอดเขา สถานการณ์ภายในเมืองหยูหลันกลับค่อนข้างปั่นป่วน
ในเรือนแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การป้องกันของกำแพงพลังวิญญาณ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังปรึกษากันอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ท่านลุง คนที่ขายสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกพบแล้ว เขาอยู่ที่เรือนบนยอดเขาเหนือสระหยูหลัน!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด
“ในเมื่อพบพวกเขาแล้ว เจ้าจงส่งคนของเราไปพบกับพวกเขาและขอซื้อสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้ได้” ชายวัยกลางตอบกลับ
ชายหนุ่มแสดงสีหน้ากังวลและพูดว่า “เอ่อ…ท่านลุง หลังจากตรวจสอบข้าพบว่าพวกเขาเป็นคนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้เย่ชิงเฉิงที่มีฐานะเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ที่นั่นอีกด้วย”
“สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์?” ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ต่อให้พวกเขาจะเป็นคนสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์แล้วมันจะยังไง? สายเลือดของพวกเราสันเขาทรราช ต่างได้รับการอำนวยพรจากสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเราจะกลัวสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปทำไม? และยิ่งโดยเฉพาะที่ตอนนี้ปัญหาภายในของสำนักพวกเขายังไม่ได้รับการแก้ไขเลยด้วยซ้ำ เราไม่จำเป็นต้องไปเกรงกลัวอะไรกับพวกเขาเลย”
“นอกจากนี้พวกเราจะไปทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร พวกเราไม่ได้จะไปปล้นพวกเขาสักหน่อยจริงไหม? เก๋อเอ๋อ เจ้าไม่ต้องกังวล เราจะต้องหาสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้เจ้าได้อย่างแน่นอน!”
“ในด้านพรสวรรค์เจ้าคือหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของสันเขาทรราชของเรา แต่สายเลือดทรราชในกายของเจ้าไม่ได้เข้มข้นมากนัก ตามบันทึกของบรรพบุรุษเรามีเพียง สระโลหิต เท่านั้นที่สามารถเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือดเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าจำเป็นต้องเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้ได้!”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “เฮ้อ…ถ้าเพียงแค่ข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ล่ะก็…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)