ตามคำสั่งของหลิงตู้ฉิงทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
พู่กันสีแดงยาว 3 ฟุตปรากฏในมือของลั่วหยุน
พู่กันนี้เป็นหนึ่งในสองอาวุธระดับจักรพรรดิที่ลั่วหยุนมี
จากนั้นลั่วหยุนก็โยนพู่กันของเขาลอยขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นพู่กันเองก็ดูเหมือนว่ามันจะมีชีวิตขึ้นมาทันทีโดยภาพที่ปรากฎขึ้นก็คือ มันบินวนไปวนมาเขียนอักขระต่าง ๆ ลงบนปราการจักรกลสวรรค์
ลั่วหยุนที่โยนพู่กันออกไปแล้วเขาก็แบ่งความสนใจส่วนใหญ่ของเขามุ่งไปที่วิญญาณปีศาจและน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของความสนใจก็ไปอยู่ที่คนรอบข้าง เนื่องจากขณะนี้มีฝูงชนอยู่เป็นจำนวนมากที่ติดอยู่ในปราการจักรกลสวรรค์ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในที่นี่ที่ถูกครอบงำโดยวิญญาณปีศาจ
ในขณะเดียวกัน บรรดาศิษย์ของหุบเขาบุปผาอนันต์กว่า 4,000 คนก็ได้เดินออกมาจากมิติของมหาค่ายกลเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มไปยืนตามตำแหน่งรอบ ๆ สระหยูหลันที่ถูกทำลายจนยับเยินตามที่เคยฝึกซ้อมมาก่อน
ตอนนี้พวกนางไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะเชื่อหลิงตู้ฉิงเท่านั้น ไม่งั้นชะตาก็คงไม่พ้นที่จะถูกซือเสี่ยวฮุย หรือวิญญาณปีศาจขอบเขตจักรพรรดิตนนั้นสังหารลงแน่นอน
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของศิษย์หุบเขาบุปผาอนันต์กว่า 4,000 คน สีหน้าของวิญญาณปีศาจก็เปลี่ยนไป
แม้ว่าก่อนหน้านี้ในช่วงที่มันยังอยู่ในผนึกป้องกัน มันก็ยังสามารถรับรู้สถานการณ์ของโลกภายนอกผ่านเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้
มันจึงรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนแปลงในหุบเขาบุปผาอนันต์อย่างใหญ่หลวง
แม้ว่าในใจของมัน มันจะไม่เชื่อว่าเหล่าหญิงสาวที่อยู่ในหุบเขาบุปผาอนันต์จะสามารถฆ่ามันได้ แต่มันก็ตั้งใจไว้แล้วว่าต้องฆ่าผู้หญิงพวกนี้ให้หมดให้ได้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น
สายตาของมันจ้องมองไปยังทิศทางที่เหล่าคนของหุบเขาบุปผาอนันต์ยืนอยู่อย่างดุเดือด ส่งผลให้จู่ ๆ บรรยากาศที่อยู่รอบ ๆ พวกนางก็เย็นลงอย่างรวดเร็วจนพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เริ่มมีน้ำแข็งเกาะหนาและหิมะก็เริ่มตก
ทันทีที่สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้น ลั่วหยุนก็หยิบอาวุธระดับจักรพรรดิอีกชิ้นของเขาออกมาและวาดวงกลมขึ้นล้อมรอบพื้นที่ที่คนของหุบเขาบุปผาอนันต์ยืนอยู่ ส่งผลให้เหล่าคนของหุบเขาบุปผาอนันต์รู้สึกว่าโลกของพวกนางถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกทันที
“เจ้ากลัวล่ะสิ?” ลั่วหยุนหัวเราะเยาะ “ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าเหตุผลที่ข้าปล่อยให้เจ้าออกมาได้นั่นก็คือข้าจะฆ่าเจ้า! วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะมาไม้ไหนก็ตาม วันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิตเจ้าแน่นอน!”
ใบหน้าของวิญญาณปีศาจมืดมน ทันใดนั้นกล้วยไม้หยกรอบตัวมันก็เปลี่ยนจากของจริงเป็นภาพมายา
จากนั้นกล้วยไม้มายาเหล่านี้ก็พุ่งเข้าหาผู้คนจากหุบเขาบุปผาอนันต์
“กฎของสวรรค์และโลกไม่สามารถยับยั้งทักษะนี้ของวิญญาณปีศาจได้อย่างสมบูรณ์ ท่านมีวิธีการจัดการกับมันบ้างไหม?” ลั่วหยุนรีบถามหลิงตู้ฉิง
ลั่วหยุนรู้เป็นอย่างดีว่ากล้วยไม้หยกเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเมล็ดพันธุ์ปีศาจ และถ้าหากมันได้สัมผัสกับคนของหุบเขาบุปผาอนันต์เมื่อไหร่ คนผู้นั้นจะถูกวิญญาณปีศาจครอบงำทันที
และถ้าหากเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น คนของหุบเขาบุปผาอนันต์จะสามารถสำแดงอำนาจอย่างเต็มที่ได้อย่างไร?
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้น “ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว ต่อให้กล้วยไม้พวกนั้นจะมีกันกี่ดอกก็ตาม เอาล่ะเจ้าเองที่เป็นวิญญาณเช่นกัน จงซ่อนวิญญาณของตัวเองซะ ข้าจะให้อสูรกลืนวิญญาณจัดการกับพวกมัน!”
ลั่วหยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงง ‘อสูรกลืนวิญญาณคืออะไร?’
อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง สัตว์ประหลาดปริศนาก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูคล้ายกับแมวแต่มันมีขนาดเล็กกว่าและมีตาที่แคบยาว รูม่านตาของมันเป็นสีดำสนิท แต่พวกมันกลับส่องแสงออกมาได้ถึงเจ็ดสี
ซึ่งแน่นอนว่ามันคืออสูรกลืนวิญญาณที่หลิงตู้ฉิงพูดถึง
สิ่งที่แตกต่างจากแมวมากที่สุดก็คือ มันมีเขาแหลมอยู่บนหัวของมัน ซึ่งสามารถปล่อยควันสีดำออกมาจากมันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)