หลังจากผู้คนจากสันเขาทรราชจากไป ผู้คนจากอาณาจักรอ้าวเทียนก็จากไปอย่างเงียบ ๆ และแน่นอนว่าผู้ชมคนอื่น ๆ ก็จากไปอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน
พวกเขาดีใจมากที่ไม่ได้ลงมืออะไรไปพร้อมกับคนของสันเขาทรราช ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะถูก ‘ปล้น’ เช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายก็ค่อย ๆ จากไป
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ลั่วหยุนก็ปิดการใช้งานปราการจักรกลสวรรค์
“ถึงมันจะถูกไอ้นั่นฟันซะแหว่งเป็นรู แต่มันก็ยังใช้งานได้หลังจากซ่อมเสร็จ” ลั่วหยุนยิ้มและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ว่าแต่ส่วนแบ่งของข้าอยู่ไหน? ตอนนี้ดวงวิญญาณของข้ากำลังมีปัญหาร้ายแรง ข้าต้องรีบฟื้นตัว”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าเก็บผลึกวิญญาณมาได้ทั้งหมด 235 ชิ้น หนึ่งในสี่เท่ากับผลึกวิญญาณ 58 ชิ้น”
ขณะที่เขาพูด หลิงตู้ฉิงหยิบผลึกวิญญาณออกมา 58 ชิ้น และมอบให้ลั่วหยุน
“ขอบคุณ ๆ!” ลั่วหยุนหัวเราะ “ด้วยผลึกวิญญาณ 58 ชิ้นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ข้าฟื้นตัวแถมยังสามารถทำให้จิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีร่างกายแล้ว ไม่อย่างนั้นข้าคงจะพยายามลองทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงกว่า”
หลิงตู้ฉิงพูดว่า “อันที่จริงถึงจะเหลือเพียงดวงวิญญาณ แต่เจ้าก็สามารถฝึกฝนได้หากรู้วิธีการ นอกจากนี้จงทำในสิ่งที่เจ้าได้ให้สัญญาไว้กับข้าด้วย และอีกอย่างคนของตำหนักเทพเหมันต์เจ้าเป็นผู้เชิญมาเอง ดังนั้นเจ้าจะต้องมอบส่วนแบ่งของเจ้าให้พวกเขาเอง ส่วนผู้คนของหุบเขาบุปผาอนันต์ ปล่อยให้พวกนางพักผ่อนให้พอก่อน จากนั้นข้าจะมอบผลึกวิญญาณให้พวกนางเอง”
ลั่วหยุนยิ้ม จากนั้นเขาจึงควบคุมมหาค่ายกลของเขาจากไปพร้อมกับผู้คนของเขาและผู้คนของหุบเขาบุปผาอนันต์
หลังจากที่ลั่วหยุนนำคนของเขาจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับหนานกงซ่งหยวน “แม้ว่าการกระทำของเจ้าจะมีจุดประสงค์อื่น แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือข้า ดังนั้นเจ้าสามารถส่งคนมาเพื่อเจรจาได้”
หลังจากพูดเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็เดินกลับขึ้นไปที่เรือนของเขาที่อยู่บนยอดเขา
ในขณะนี้ ทุกคนต่างเพิ่มระดับของการเคารพหลิงตู้ฉิงขึ้นไปสู่ระดับใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงพูดเช่นนั้น หนานกงซ่งหยวนจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “พวกเจ้ากลับไปที่เรือนของพวกเราก่อน ข้าจะไปคุยกับเขาเอง”
ในอีกทางด้านหนึ่งของกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ก่อนหน้านี้อยู่ฝั่งเดียวกับวิญญาณปีศาจ ตอนนี้พวกเขาแทบทุกสำนักได้ตกตายกันไปจนแทบหมด จะเหลือก็เพียงแต่สำนักอักขระวิญญาณและสำนักอีกไม่กี่สำนักที่ยังพอเหลือคนรอดอยู่บ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นผู้อาวุโสของสำนักทั้งหมดถูกสังหาร พวกเขาทุกคนก็ทำได้เพียงแค่อยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
เมื่อตัวตนระดับสูงของสำนักทั้งหมดตายลงเช่นนี้ มันก็ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของสำนักลดลงอย่างมากเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อในอนาคต
หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มคิดได้ พวกเขาทิ้งสิ่งของต่าง ๆ ของผู้อาวุโสสำนักของพวกเขาไว้ที่เดิมและเริ่มเดินจากไปโดยอยู่ภายใต้การจ้องมองของฝูงชน ส่วนเป้าหมายของเขานั้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างมุ่งหน้ากลับสำนักของตนเอง
ส่วนจะกลับไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ไม่มีใครรู้
ในเวลานี้ในเรือนของหลิงตู้ฉิง ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาได้ถูกปิดการใช้ไปแล้ว ทุกคนต่างมารวมตัวกันรอให้หลิงตู้ฉิงมอบส่วนแบ่งให้แก่พวกเขา
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ปิงยู่หลางเป็นคนแรกและพูดว่า “แม้ว่าจะเป็นคนรับใช้ของเจ้าที่ลงมือ และการที่พวกเจ้าเข้ามาช่วยนั้นก็เพราะไมตรีที่พวกเจ้ามีต่อลั่วหยุน ดังนั้นเจ้าควรจะไปขอส่วนแบ่งจากลั่วหยุนด้วยตัวเอง แต่ในฐานะที่ผลงานของพวกเจ้าที่ทำลงไปนั้นค่อนข้างดีทีเดียว ดังนั้นข้าจะแบ่งผลึกวิญญาณของข้าให้แก่พวกเจ้าด้วยสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้”
เมื่อพูดจบเขาก็โยนผลึกวิญญาณให้ปิงยู่หลาง 1 ชิ้น
ส่วนผลึกวิญญาณนี้จะถูกดูดซับโดยปิงยู่หลางหรือคนรับใช้ของเขา หลิงตู้ฉิงไม่สนใจ
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่หยูหลัน และโยนผลึกวิญญาณ 2 ชิ้นไปให้นางโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่ว่าจะยังไง เย่หยูหลันนั้นไม่ใช่คนของเขา และถึงแม้ว่านางจะลงมือช่วยด้วยก็จริง แต่นางก็ลงมือโจมตีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นการให้ผลึกวิญญาณ 2 ชิ้นก็นับได้ว่าเพียงพอแล้ว
จากนั้นหลิงตู้ฉิงมองไปที่สีเป่ยเซียะและพูดว่า “ผลึกวิญญาณ 5 ชิ้น พอไหมสำหรับเจ้า?”
ไม่ว่าจะอย่างไร ถึงแม้สีเป่ยเซียะจะเป็นผู้ปลดปล่อยร่างที่แท้จริงของวิญญาณปีศาจออกมา ซึ่งมันช่วยทำให้แผนการของเขาง่ายขึ้น แต่สีเป่ยเซียะก็ลงมือแค่เพียงครั้งเดียวโดยที่นางไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน ดังนั้นการแบ่งผลึกวิญญาณ 5 ชิ้นให้นางจึงถือว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว
สีเป่ยเซียะพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้ายังมีอีกตั้งเยอะตั้งแยะไม่ใช่เหรอไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)