ลั่วหยุนรู้สึกว่าไม่ว่าจะยังไง เขาจะต้องขอลองใช้ยันต์เคลือบหยกที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ เพราะเขาคิดว่าด้วยความสามารถของหลิงตู้ฉิงที่พิสดารจนทำให้เขาตกตะลึงอยู่บ่อย ๆ ของที่เขาได้รับมามันน่าจะต้องไม่ธรรมดา
แต่แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัย เขาจึงใช้วิธีเอ่ยคำขอ ‘ชี้แนะ’
“ได้ แต่เจ้าต้องบอกให้เหล่าคนที่กำลังจะเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับหยุดก่อน!” ร่างเงาลึกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างเงา แต่มันก็ไม่ใช่ตัวตนที่คนระดับลั่วหยุนที่เหลือเพียงดวงวิญญาณจะทำอะไรได้ เพราะเหตุนี้ร่างเงาจึงยินยอมทำตามคำขอของลั่วหยุนแต่โดยดี และการที่เขาสามารถคลี่คลายปัญหาได้ด้วยวิธีนี้ มันจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของสันเขาทรราชของเขาจะดีกว่าเดิมมาก
ลั่วหยุนมองไปที่สีเป่ยเซียะและผู้คนจากตำหนักเทพเหมันต์ที่อยู่ข้าง ๆ เขา จากนั้นเขาจึงส่งข้อความทางโทรจิตไปหาตวนจู้และกลุ่มคนที่ใช้กุญแจเดียวกับนางให้หยุดเคลื่อนที่ก่อน
ซึ่งสีเป่ยเซียะและผู้คนจากตำหนักเทพเหมันต์ เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร การเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนี้ การดึงดันต่อสู้กับเขามันจะไม่มีประโยชน์อย่างยิ่ง
เพราะถ้าหากวันนี้พวกเขาถูกสังหารลงทั้งหมด สำนักของพวกเขาก็คงอาจจะล้างแค้นให้พวกเขา แต่การล้างแค้นมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าพวกเขาตายได้ไปแล้ว?
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของตวนจู้หยุดลง ลั่วหยุนก็รู้สึกโล่งใจ ไม่ว่าในกรณีใดสันเขาทรราชก็ต้องการเพียงแค่สิทธิ์เดียว ซึ่งมันก็ใช้กุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพียงแค่ดอกเดียว
ร่างเงานั้นเมื่อเห็นว่ากลุ่มของตวนจู้หยุดลง เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและจากนั้นเขาหันกลับมาและพูดกับลั่วหยุน “เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าซ่อนกลเม็ดอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่ ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะนำมันออกมาได้แล้ว!”
ลั่วหยุนพยักหน้าและค่อย ๆ หยิบยันต์เคลือบหยกที่หลิงตู้ฉิงมอบให้เขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็เริ่มส่งพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปเพื่อเปิดใช้งาน
ภายใต้การจับตามองของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ยันต์เคลือบหยกก็ได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกระบี่ก็ปรากฏขึ้นลอยอยู่ตรงหน้าของลั่วหยุน
รูปร่างของมันเป็นเพียงแค่กระบี่ยาวที่ดูเรียบง่ายไม่มีการตกแต่งใด ๆ หากมองอย่างผิวเผินแล้วมันดูธรรมดาเป็นอย่างมาก มันไม่มีแม้กระทั่งพลังวิญญาณหรือกฎใด ๆ แฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย หรือถ้าจะให้กล่าวก็คือมันดูแล้วมีค่าไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็กที่เอามาขึ้นรูปเป็นกระบี่
ลั่วหยุนที่เห็นภาพเช่นนี้ก็ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาตัดสินใจถูกต้องหรือเปล่า? เขาได้แต่งุนงงและตั้งคำถามในใจ ไอ้สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเอื้อมมือไปถือมันไว้ ใบหน้าของเขาก็สว่างขึ้นทันทีด้วยความตื่นเต้น
คนอื่น ๆ ที่มองเหตุการณ์อยู่ก็จ้องไปที่ลั่วหยุนด้วยสายตาแปลก ๆ พลางคิดในใจ ‘สรุปแล้วที่ต่อรองไปทั้งหมดก็เพื่อกระบี่ธรรมดา ๆ เล่มนี้น่ะนะ?’
“ลงมือสักที!” ร่างนั้นเอามือไพล่หลัง ขณะที่เขาพูดกับลั่วหยุน
เขาเป็นใคร? ตัวตนเช่นเขาจะไปกลัวกระบี่ธรรมดา ๆ แบบนั้นได้อย่างไร?
ในชีวิตอันยาวนานของเขา เขามั่นใจว่าเขาเคยรับมือกับกระบี่มาแล้วแทบทุกรูปแบบ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เขาก็ยังไม่กลัว ดังนั้นมันจึงไม่ต้องพูดถึงกระบี่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ที่ไม่มีแม้แต่คลื่นพลังใด ๆ แผ่ออกมา
ลั่วหยุนเผยรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านควรระวังตัวหน่อยนะ!”
หลังจากพูดจบ ลั่วหยุนก็พุ่งตัวเข้าไปเสียดแทงกระบี่ไปที่ร่างเงาทันที
จากนั้นภาพที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น ในตอนแรกที่ลั่วหยุนแทงกระบี่ออกไป ระยะห่างระหว่างเขากับร่างเงานั้นอยู่ห่างกันน้อยกว่า 10 ก้าว แต่แล้วจู่ ๆ มิติมันก็เหมือนถูกฉีกออกเปิดเผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของร่างเงา ซึ่งดูเหมือนว่าร่างที่แท้จริงนี้ระยะห่างของพวกเขาทั้งคู่มันดูเหมือนว่าพวกเขาอยู่กันคนละโลก
แม้ว่ามันจะดูเหมือนทั้งคู่อยู่ห่างกันคนละโลก แต่สีหน้าและการแสดงออกของทั้งร่างเงาและร่างจริงก็เปลี่ยนไปเป็นตกตะลึง ร่างเงาได้หันกลับมาและพูดกับเทียนหยูเฮงและเทียนเก๋อ “รีบไปซะ!”
ในขณะที่พูด ร่างเงานั้นก็โบกมือทั้งสองข้างของเขาและช่องทางมิติหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นร่างเงาก็ได้ผลักเทียนหยูเฮงและเทียนเก๋อเข้าไปและส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ห่างไกลจากที่นี่ทันที
จากนั้นร่างเงาก็พุ่งตัวเข้าไปในมิติของอีกโลกที่ถูกกระบี่เปิดออกเขาราวกับว่าเขาต้องการเอาร่างเงาเข้าปะทะกับปราณกระบี่ที่กำลังคืบคลานไปยังร่างจริง อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาพุ่งตัวไปหาปราณกระบี่ ร่างเงาของเขาก็จางลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหายไปอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเหรียญหยกที่เทียนหยูเฮงหยิบออกมาในตอนแรกก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่นพร้อม ๆ กับมิติที่ถูกเปิดออกก็ได้ถูกปิดตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งชะตากรรมของร่างที่แท้จริงของร่างเงานั้นจะเป็นอย่างไรต่อนั้นไม่มีใครทราบได้
ในขณะนี้เทียนหยูเฮงและเทียนเก๋อ ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายร่างห่างออกไปเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตร พวกเขาทั้งคู่ต่างตัวสั่นเมื่อเห็นช่องทางมิติที่พวกเขาจากมาค่อย ๆ ปิดตัวลง
หลังจากนั้นไม่นาน เทียนหยูเฮงที่ตัวสั่นก็ตะโกนขึ้นอย่างเจ็บปวด “บรรพบุรุษ!”
เหรียญหยกนั้นมันคือ ‘เครื่องราง’ ที่บรรพบุรุษของสันเขาทรราชทิ้งไว้เบื้องหลัง เครื่องรางเช่นนี้มันคือสิ่งที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวแล้วจากนั้นมันจะหายไป ซึ่งพวกเขาจะไม่ใช้มันเลยเว้นแต่สันเขาทรราชจะอยู่ในช่วงวิกฤตที่สุด แต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว
แน่นอนว่าเครื่องรางเช่นนี้ในสันเขาทรราชนั้นก็มีมันอยู่ในจำนวนไม่มากนัก ถ้าจะให้พูดถึงมูลค่าของมันแล้วถึงแม้ว่าจะต้องใช้อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ 5 ชิ้นมาแลกกับมันก็ยังถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากอาจจะกล่าวได้ว่าของสิ่งนี้มันก็เทียบได้กับรากฐานความมั่นคงของสันเขาทรราชของพวกเขา
แต่ตอนนี้มันกลับสลายหายไปแล้ว โดยที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้รับแม้กระทั่งสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอีกต่างหาก
เหตุการณ์เช่นนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?
“ทำไม!?” เทียนหยูเฮงอดไม่ได้ที่จะคำราม
เทียนเก๋อที่เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกหดหู่จนไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
เมื่อคร่ำครวญอยู่สักพัก เทียนหยูเฮงจึงนำเทียนเก๋อบินกลับไปยังสันเขาทรราชด้วยความเศร้าโศก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)