ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หลิงยู่ชานมองหลิงตู้ฉิงเป็นครั้งคราว ถ้าไม่ได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง เขาก็คงไม่มีทางเชื่อ
ทำไมพ่อของเขาที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้วิธีบ่มเพาะมาก่อนกลับมีพลังวิญญาณขึ้นมาอย่างกะทันหัน?
ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่พ่อของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลอมรวมลมปราณ?
หลิงยู่ชานจึงถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าสามารถบ่มเพาะได้ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มแล้วตอบว่า “อะไรกัน เจ้าไม่เชื่อพ่องั้นเหรอ?”
“ขะ…ข้าเชื่อคำพูดของท่านพ่อแน่นอน แต่เสาทดสอบนั่น ผลของมันบอกว่าข้าไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ แล้วข้าจะบ่มเพาะได้อย่างไร…” หลิงยู่ชานถามด้วยความสับสนและหดหู่
หลิงตู้ฉิงลูบหัวลูกชายและตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยู่ชาน ถ้ามีคนมาบอกอะไรแก่เจ้า อย่างแรกเลยเจ้าต้องดูก่อนว่าใครเป็นคนที่มาบอก เจิ้นสีชวงผู้นั้นมันเป็นเพียงแค่เศษขยะไร้ค่าทำไมเจ้าต้องไปใส่ใจคำพูดของมัน? และปัญหาหลาย ๆ สิ่งในโลกนี้ที่ไม่มีทางออกนั้นไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางแก้ปัญหาเหล่านั้นสักหน่อย มันก็แค่เรายังไม่เจอวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องในเวลานี้ก็เท่านั้นเอง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังอธิบายให้บุตรชายของเขาเข้าใจอยู่นั้น ในใจของเขาก็กำลังคิดถึงเรื่องการแก้สถานการณ์การเงินของตระกูลว่าจะเอาอย่างไรดี
เขาไม่รู้ว่าหลิงยู่ชานได้เก็บคำพูดของเขาไปใส่ใจหรือไม่ เขาเห็นก็แต่หลิงยู่ชานทำสีหน้าครุ่นคิดเท่านั้น
หลังจากนั้นสักพักหลิงยู่ชานก็ถามขึ้น “ท่านพ่อ ท่านเริ่มบ่มเพาะได้อย่างไร?”
เขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมพ่อของเขาที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้มาหลายปี แต่กลับมาเริ่มบ่มเพาะเอาตอนนี้ ถ้าหลิงตู้ฉิงสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ก่อนหน้าตระกูลก็คงไม่ลำบาก พวกเขาเองก็คงไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากอย่างเช่นทุกวันนี้
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาโกรธเคืองในตัวของพ่อของเขาเพียงแต่เขาแค่สงสัยว่ามีเหตุผลใดกันที่หลิงตู้ฉิงถึงต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในฐานะบุตรชายคนโต เขาย่อมรู้ว่าที่ผ่านมาหลิงตู้ฉิงได้เลี้ยงดูพวกเขามาอย่างยากลำบากแค่ไหน
หลังจากหลิงตู้ฉิงไตร่ตรองเขาจึงตอบว่า “ยู่ชาน พ่อจะเล่าเรื่องจั๊กจั่นเหมันต์ให้ฟัง เพื่อการบ่มเพาะ เหล่าจั๊กจั่นเหมันต์ได้ฝังตัวลึกลงไปในดินหลายทศวรรษหรือเป็นสหัสวรรษ พวกมันยอมไม่เคลื่อนไหวและยอมที่จะอดอยากหิวโหย
พวกมันรอคอยเวลาที่ร่างกายของมันวิวัฒนาการจนถึงระดับสูงสุดที่สามารถฝึกฝนทักษะได้ เมื่อนั้นพวกมันจึงโผล่ออกจากใต้ดิน พวกมันจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและสามารถฝึกฝนทักษะศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันได้จนบรรลุถึงขั้นสูงสุด เมื่อนั้นเสียงร้องของพวกมันจะดังก้องไปจนถึงสวรรค์
และทักษะที่พ่อฝึกฝนก็เป็นทักษะอีกรูปแบบหนึ่งที่คล้ายคลึงกับของพวกมัน นี่คือความจริงที่พ่อจำเป็นต้องปิดบังไว้มาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้พ่อได้บรรลุทักษะวิชานี้แล้ว พ่อจึงเริ่มสามารถบ่มเพาะได้เสียที”
หลิงตู้ฉิงแต่งเรื่องขึ้นเพื่อปลอบหลิงยู่ชานที่กำลังหดหู่ เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่หลิงตู้ฉิงแต่งขึ้นกระทบใจหลิงยู่ชานเป็นอย่างมาก เขาดูตื่นเต้นมากเมื่อได้ฟังเรื่องนี้
“แล้วข้าควรจะบ่มเพาะอย่างไรดี?” หลิงยู่ชานอารมณ์ดีขึ้นในที่สุด
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “กลับเรือนกันก่อนแล้วพ่อจะบอกเจ้า การบ่มเพาะต้องอาศัยความอดทน!”
“ข้าไม่กลัวความลำบาก!” หลิงยู่ชานพูดอย่างมุ่งมั่น “ข้าต้องการฝึกฝนให้มากกว่าท่านพ่อ เมื่อถึงเวลาที่ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ข้าจะปกป้องท่านกับน้อง ๆ เอง!”
“เจ้าช่างเป็นบุตรที่ดีของข้าจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงตบไหล่หลิงยู่ชาน “แต่ถ้าเจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งกว่าข้ามันก็คงยากสักหน่อย!”
ระหว่างทางกลับเรือน หลิงตู้ฉิงพูดคุยกับหลิงยู่ชานเพื่อเรียนรู้ความคิดและซึมซับอารมณ์ความรู้สึก เพื่อนำไปใช้พัฒนาเต๋าอารมณ์ของเขา
เมื่อกลับถึงเรือนเรียบร้อย ระดับบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงได้เลื่อนไปยังขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 3 แล้ว
เมื่อพ่อบ้านชราโม่หยูถังเห็นสองพ่อลูกกลับมาแล้วเขาก็รีบเดินไปข้างหน้าและเอ่ยปากถาม “นายท่าน นายน้อยได้เข้าสอบแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)