ทันทีที่เหลียงเฟ่ยเอ๋อเดินมาถึงหน้าทางเข้าเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางรู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศด้านในเรือนมันคล้ายกับเป็นป่ากระบี่นับพันเล่ม ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
เมื่อสัมผัสได้เช่นนี้ นางจึงไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปในเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางจึงเลือกที่จะตะโกนขึ้นแทน “พี่หญิง หลิงฟ่างหัวกำลังเกิดเรื่อง!”
เพียงชั่วครู่ จ้าวเหมิงลู่ก็รีบเดินออกมาและถามทันที “มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง?”
แต่ในขณะที่จ้าวเหมิงลู่เดินเข้ามาใกล้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็รู้สึกราวกับว่ามีคมกระบี่นับสิบเล่มจ่อเจ้ามาที่ตัวนาง
ในขณะนี้ทั่วร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ ซึ่งมันทำให้นางนั้นดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงจากไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตั้งแต่นั้นมานางก็อยู่อย่างสันโดษในเรือนของนางเพื่อฝึกฝนเร้นคมกระบี่และเผยคมสะบั้นอย่างขยันขันแข็ง
และนางก็ได้ฝึกมาเช่นนี้เกือบ 50 ปีแล้ว
ซึ่งถ้าวันนี้เหลียงเฟ่ยเอ๋อไม่เรียกหา นางก็ไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่
หลังจากเหลียงเฟ่ยเอ๋อเล่าเรื่องทั้งหมด จ้าวเหมิงลู่ก็พูดขึ้นทันที “เจ้าจงรีบไปเรียกจื่อซิน ส่วนตัวเจ้าก็จงนำเหรียญตราผนึกสวรรค์ติดตัวมาด้วย เราจะไปช่วยฟ่างหัวด้วยกัน!”
“อืม!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้ารับทราบทันที
เหตุผลที่เหลียงเอ่ยเอ๋อมาเรียกจ้าวเหมิงลู่เพื่อขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเพราะนางรู้ว่า แม้ว่าพวกนางยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดารา แต่พวกนางแต่ละคนก็มีไพ่ลับที่หลิงตู้ฉิงทิ้งไว้ให้ป้องกันตัว
ซึ่งสิ่งที่หลิงตู้ฉิงทิ้งไว้ให้นางคือเหรียญตราผนึกสวรรค์
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจ้าวเหมิงลู่ได้อะไรมาจากหลิงตู้ฉิง แต่เมื่อมองไปที่ปราณกระบี่ในเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางก็เดาได้ว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับกระบี่แน่นอน
สำหรับโจวจื่อซิน นางเป็นคนเดียวที่ทะลวงไปถึงระดับสวรรค์สามัญแล้วก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะจากไป
ซึ่งในตอนนี้มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ใครจะรู้ว่าพวกนางในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งไปถึงระดับไหน? และโดยเฉพาะที่ระดับการบ่มเพาะนั้นไม่สามารถเอามาชี้วัดความแข็งแกร่งของพวกนางได้
หลังจากเหลียงเฟ่ยเอ๋อจากไป จ้าวเหมิงลู่ก็กลับไปที่เรือนของนาง และมองไปยังกระบี่ ที่ปักอยู่ตรงกลางลานของเรือน จากนั้นนางพึมพำกับตัวเอง “นับจากที่เจ้ากำเนิดมาก็เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ในวันนี้ข้าจะให้ทั้งโลกได้เห็นความงดงามของเจ้าและข้าจะให้โลกได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของเจ้า และข้าจะทำให้ชื่อเสียงของเจ้าระบือไกล ชิวฮง!”
ขณะที่พูด จ้าวเหมิงลู่ก็ค่อย ๆ ดึงชิวฮงขึ้นมา
“ชิ้งงง…”
หลังจากนั้น จ้าวเหมิงลู่ก็เก็บชิวฮงไว้ในร่างกายของนาง พร้อมกับที่ปราณกระบี่ที่อยู่ในเรือนทั้งหมดก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ ทำให้บรรยากาศทั่วบริเวณเรือนกลับสู่สภาพปกติ
เมื่อจ้าวเหมิงลู่เดินออกจากเรือน เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ได้เรียกโจวจื่อซินออกมาแล้วเช่นกัน
ตอนนี้โจวจื่อซินถือดอกไม้อยู่ในมือของนาง ซึ่งมันดูงดงามเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หากผู้คนที่เคยเห็นและยังจำมันได้ว่ามันคือดอกอะไร แน่นอนว่าพวกเขาคงต้องรีบหนีเตลิดไปด้วยอาการตื่นตระหนกแน่นอน
“จื่อซิน หากไม่จำเป็นจริง ๆ เจ้าห้ามลงมือเด็ดขาด!” จ้าวเหมิงลู่เตือน “สามีเคยสั่งข้าให้เตือนเจ้าไว้ ถ้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้เต็มตัว เจ้าห้ามใช้ดอกบัวปีศาจกระหายเลือดเด็ดขาด มิฉะนั้นเจ้าอาจจะถูกการลงโทษจากสวรรค์!”
โจวจื่อซินยิ้มและพูดว่า “พี่หญิงไม่ต้องกังวล ลูก ๆ ของข้าฟังข้าทุกอย่างแน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลมันดี ๆ!” จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ว่านถิง บอกพวกเรามาว่าฟ่างหัวอยู่ที่ไหน!”
เมื่อนางพูดจบ เสียงของหลิงฉุยฟงดังขึ้น “ให้ข้าพาพวกเจ้าไปมันจะเร็วกว่าพวกเจ้าไปกันด้วยตัวเองนะ”
หลังจากหลิงฉุยฟงเอ่ยจบ ร่างของสัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
เมื่อทุกคนเห็นร่างของสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ไม่มีใครรอช้ากระโดดขึ้นไปบนร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นทันที
หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากค่ายกลทั้งห้าของหลิงฉุยฟงก็บินออกไปในพริบตา ซึ่งความเร็วของมันนั้นนับได้ว่าเร็วกว่าความเร็วการบินของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่หลายเท่าตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)