ในตอนแรกหลิงตู้ฉิงคิดว่าเรื่องของหลิงว่านถิงไม่ใช่เรื่องใหญ่
เขาแค่คิดว่านี่มันก็เป็นเพียงประสบการณ์แย่ ๆ เรื่องหนึ่งของลูกสาวของเขาที่นางจะต้องผ่านมันไปให้ได้
และถ้าหากมองในมุมของผู้บ่มเพาะ นี่มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้บ่มเพาะจะต้องเจอเพราะว่ามันคือส่วนหนึ่งของการทดสอบในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ
ดังนั้นแม้ว่าความทุกข์ยากของหลิงว่านถิงจะทำให้เขาไม่สบายใจ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันจะไม่เป็นปัญหาใหญ่
แน่นอนว่าเขารู้สึกได้ถึงความเศร้าของหลิงว่านถิง เพราะเขานั้นบ่มเพาะเต๋าแห่งอารมณ์ ดังนั้นเมื่อหลิงว่านถิงอยากที่จะออกไปท่องโลกภายนอก เขาจึงตอบตกลงให้นางไปทำตามความปรารถนาของนางเอง
แต่แล้วต่อมาเมื่อเขาจับจางหมิงได้ และหลังจากที่ดูความทรงจำของจางหมิง เขาก็ได้พบกับภาพเรื่องราวในอดีต หลิงว่านถิงและหยูเฉิงฮุยที่เคยใกล้ชิดกันและได้เห็นใบหน้าที่แสนมีความสุขของหลิงว่านถิง และต่อมาเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่กลุ่มของหยูเฉิงฮุยทำร้ายจิตใจของหลิงว่านถิง และพยายามที่จะจับกุมตัวหลิงฟ่างหัว จากนั้นเขายังเห็นหลิงว่านถิงที่ร้องห่มร้องไห้จนแทบสติหลุด ในขณะที่นางปล่อยหยูเฉิงฮุยและผู้ติดตามของเขาจากไป
ซึ่งเมื่อเขาเห็นภาพทั้งหมดนี้แล้ว หลิงตู้ฉิงก็ได้ตัดสินใจไว้เรียบร้อยว่าเขาจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกสาวของเขาเสียใจอยู่รอดต่อไปได้อีกแน่นอน
แต่แน่นอนว่าเขาจะยกเว้นหยูเฉิงฮุยเอาไว้ก่อนชั่วคราว เนื่องจากว่าเขาให้สัญญากับ หลิงว่านถิงเอาไว้แล้วว่าจะให้นางตัดสินใจว่าหยูเฉิงฮุยจะอยู่หรือจะตาย
ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็คือในตอนนี้เขาโกรธแค้นคนเหล่านี้เป็นอย่างมาก
และยิ่งหลังจากได้ยินสิ่งที่หยูเจิ้งหมิงเพิ่งพูด เขาก็ยิ่งโกรธ
หลังจากที่เขาได้อ่านความทรงจำของจางหมิงไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ถึงส่วนหนึ่งของความคิดของคนเหล่านี้ไปด้วย
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินหยูเจิ้งหมิงพูดขึ้นต่อรองแบบนั้น เขาจึงอดใจไม่ไหวลงมือจับหยูเจิ้งหมิงมาทันที
จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็จับคอหยูเจิ้งหมิง และเหวี่ยงตัวเขาลงไปบนพื้นแทบเท้าของเขาและถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้าคิดว่าลูกสาวของข้าเป็นคนที่ใคร ๆ ก็สามารถแต่งงานด้วยได้งั้นเหรอ? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่า หยูเฉิงฮุย อยู่ที่ไหน?”
ในที่สุด หยูเจิ้งหมิงก็ได้เผชิญหน้ากับความน่าหวาดกลัวในตัวตนของหลิงตู้ฉิง
เมื่อครู่ข้างกายของเขามีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายร้อยคนปกป้องอยู่เคียงข้าง แต่หลิงตู้ฉิงกลับจับตัวเขามาได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวของเขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาแต่เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตนภาระดับ 10 แต่เขาเองกลับไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืนคนผู้นี้ที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณได้เลย นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเป็นอย่างมากว่าคนผู้นี้มีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือว่ามันจะเป็นเพราะคนผู้นี้ได้ครอบครองความลับของทะเลชางหมาง เขาจึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้งั้นเหรอ?
แม้ว่าเขาจะคิดเช่นนั้นในใจ แต่หยูเจิ้งหมิงก็ยังคงทำใจแข็งและถามกลับด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “นี่ท่านทำเช่นนี้ ท่านรู้ไหมว่ามันจะยิ่งทำให้พวกเราไม่สามารถปรองดองกันได้อีก? เดิมทีพวกเราไม่ได้มีความเกลียดชังต่อกันมากนัก แต่เนื่องจากท่านดูถูกข้าเช่นนี้ ท่านคิดถึงผลที่ตามมาบ้างไหม?”
เขาคือผู้ที่มาจากอาณาจักรมังกรทะยานที่มีภูเขาเอ้อหลงหนุนหลัง ด้วยภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ของเขาเช่นนี้ เขาจะไปยอมให้คนจากอาณาจักรจันทราที่เป็นเพียงอาณาจักรเล็ก ๆ หยามเกียรติได้ยังไง? แม้แต่อาณาจักรใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ในโลกภายนอกยังต้องคิดแล้วคิดอีกหากต้องการล่วงเกินตัวตนเช่นเขา ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าอาณาจักรจันทราจะแผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวางในทะเลชางหมางก็จริง แต่ตามความเข้าใจของเขา อาณาจักรจันทรานั้นไม่น่าจะมีขุมกำลังใดที่ให้การสนับสนุนอยู่แน่นอน
ดังนั้นอาณาจักรเล็ก ๆ เช่นนี้กล้าดียังไงที่มาดูหมิ่นเขาถึงขนาดกดตัวเขาให้หมอบลงแทบเท้า?
“พ่อของข้าคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรมังกรทะยาน หยูไท่ฉวน ส่วนปู่ของข้าคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งภูเขาเอ้อหลง! ท่านแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกข้าอย่างถาวร?” หยูเจิ้งหมิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “พวกเจ้ามันก็แค่มนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่ามังกรผสมอยู่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ข้ามีมังกรที่แท้จริงคอยลากรถม้าให้ข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลงเฉินก็บูดบึ้งขึ้นเล็กน้อย
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้สนใจว่าหลงเฉินจะคิดยังไง เมื่อเห็นว่าหยูเจิ้งหมิงไม่ยอมบอกว่าหยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน เขาจึงวางมือไว้บนหัวของหยูเจิ้งหมิง ทำให้หลับลงและเริ่มอ่านความทรงจำของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็ปล่อยหยูเจิ้งหมิง และจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเส้นขนสี่เส้นของหลิงจู้ให้กลายเป็นหอกและส่งพวกมันเสียบเข้าไปที่แขนขาทั้งสี่ของหยูเจิ้งหมิง จากนั้นก็ชูตัวหยูเจิ้งหมิงขึ้นไปห้อยบนอากาศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)