เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดถึงมันอีกครั้ง สีเป่ยเซียะมองไปที่หลิงตู้ฉิงโดยไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง
ที่ผ่านมา สำนักเบญจธาตุของนางก็ได้ลงทุนทรัพยากรและกำลังคนไปไม่น้อยกับการก่อตั้งอาณาจักรอี้จิ๋นเพื่อเป็นหน้าด่านในการสำรวจความลับที่อยู่ในทะเลชางหมาง
และที่สำคัญพวกนางเองก็ได้ค้นพบเบาะแสหลาย ๆ อย่างไปแล้วด้วยเช่นกัน
แต่มาตอนนี้ หลิงตู้ฉิงกลับบอกให้นางและสำนักของนางถอนตัวไปซะอย่างนั้น แบบนี้นางจะตอบรับข้อตกลงของเขาได้ยังไง?
โดยเฉพาะที่สำนักเบญจธาตุของนางก็ไม่ใช่สำนักธรรมดาไก่กาที่ไหน ต่อให้ภูมิหลังของหลิงตู้ฉิงจะเลิศเลอเพียงใด ทำไมนางจะต้องยินยอมทำตามคำพูดของเขาด้วย?
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ที่นางเคยรับมือกับหลิงตู้ฉิงมาหลายครั้งหลายครา ซึ่งมันทำให้นางเข้าใจนิสัยของหลิงตู้ฉิงค่อนข้างดี ดังนั้นนางจึงไม่ได้เอ่ยคำพูดทั้งหลายที่อยู่ในใจนางออกมาให้เขาได้ยิน แต่เลือกที่จะถามเขากลับว่า “เจ้ายังติดค้างข้าอยู่ เจ้าจำได้ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แน่นอนว่าข้าย่อมจำได้ และเป็นเพราะเหตุนั้นข้าจึงเรียกเจ้าให้มาคุยกับข้าก่อนที่นี่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเมืองเจินไห่แห่งเดียวจะหยุดข้าได้งั้นเหรอ? หรือเจ้าคิดว่าอาณาจักรอี้จิ๋นของเจ้าจะหยุดข้าได้?”
สีเป่ยเซียะขมวดคิ้วและตอบกลับอย่างรวดเร็ว “นี่เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเจ้าตัวคนเดียวสามารถต่อกรกับอาณาจักรอี้จิ๋นของข้าได้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม และชี้ไปที่ลั่วหยุนที่กำลังอนู่ในขั้นตอนเปลี่ยนดวงวิญญาณให้กลายเป็นวิญญาณสงคราม “เขาได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราแล้ว และหน้าที่ของเขาก็คือคอยปกป้องลูกชายของข้าเป็นเวลา 2,300 ปี!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีเป่ยเซียะถึงกับสูดหายใจลึกและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
หากเป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงกล่าวจริง ต่อให้เป็นก่อนหน้านี้ที่ลั่วหยุนเหลือแต่ดวงวิญญาณ อาณาจักรอี้จิ๋นของนางก็คงไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ แล้วยิ่งตอนนี้ลั่วหยุนกำลังจะกลายเป็นวิญญาณสงครามที่ในอนาคตสามารถบ่มเพาะได้เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญปกติ ซึ่งความแข็งแกร่งของเขาก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นต่อให้นางจะใช้อาวุธระดับจักรพรรดิควบคู่กับโองการจักรพรรดิ นางและน้องชายของนางก็ไม่มีทางหยุดลั่วหยุนที่อยู่ในขอบเขตราชันอย่างแท้จริงแบบนี้ได้แน่นอน
เว้นแต่พวกนางจะพาผู้อาวุโสระดับสูงจากสำนักเบญจธาตุพร้อมกับนำสมบัติวิเศษที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้มาด้วย พวกนางถึงจะสามารถต่อสู้กับลั่วหยุนได้อย่างสูสี
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นนับได้ว่าเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของสำนักเบญจธาตุ ดังนั้นนางและน้องชายของนางจึงไม่สามารถนำออกมาใช้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง สีเป่ยเซียะก็พูดว่า “ถ้างั้นเจ้าจะเอายังไงกับพวกข้า? แต่จงอย่าลืมว่าเจ้าเป็นหนี้ข้า และที่สำคัญข้าได้ยินมาจากน้องชายของข้าว่าเขาเองได้มอบไม้มรกตศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งให้แก่เจ้าเช่นกัน และนั่นก็ถือเป็นหนี้บุญคุณเช่นกัน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย และพูดว่า “ข้าได้เคยบอกกับเจ้าสองพี่น้องไปแล้วนี่ ว่าข้าจะให้เจ้าและน้องชายของเจ้าเลือกทางออกอยู่สองทาง ทางแรกคือต่อต้านข้า ทางที่สองคือร่วมมือกับข้า! ในเมื่อตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้วก็จงตัดสินใจซะให้เสร็จ”
“ถ้าเจ้าเลือกที่จะต่อต้านข้า ด้วยหยดน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ที่เจ้าให้ข้า ข้าจะหันหลังกลับไปที่ทะเลชางหมางและเลือกเส้นทางใหม่ไปยังอาณาจักรมังกรทะยาน และจะไม่แตะต้องอาณาจักรอี้จิ๋นของเจ้าเป็นเวลา 500 ปี แต่เมื่อไหร่ที่ 500 ปีผ่านไปข้าจะกลับมาอีกครั้ง และจะลงมือกับพวกเจ้าโดยไม่สนใจหรือไว้หน้าใครทั้งสิ้น”
สีเป่ยเซียะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ข้าถามได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงต้องการไปที่อาณาจักรมังกรทะยาน?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา “หยูเฉิงฮุยแห่งอาณาจักรมังกรทะยานทะยานบังอาจมาล่อลวงลูกสาวของข้าด้วยเจตนาชั่วช้า ข้าจะไปลากตัวมันมาให้รับผิดชอบกับความรู้สึกของลูกสาวข้า!”
เมื่อได้ยินที่พ่อของนางเอ่ยเช่นนั้น หลิงว่านถิงพูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าอับอายทันทีว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดให้มันดูเหมือนกับว่าข้าถูกล่วงเกินอะไรมากขนาดนั้นสิ…”
ในตอนนี้หลิงว่านถิงทำใจของนางเองได้มากขึ้นเยอะแล้ว ดังนั้นเมื่อนางได้ยินคำพูดของพ่อนางเช่นนี้ นางจึงแสดงความไม่พอใจออกมา
ในเวลาเดียวกัน เมื่อสีเป่ยเซียะมองไปที่หลิงว่านถิง ดวงตาของนางสว่างขึ้นทันทีและพูดว่า “พรสวรรค์ของลูกสาวของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว ถ้านางเต็มใจ ข้าสามารถแนะนำให้นางเข้าร่วมกับสำนักธาตุไม้ของสำนักเบญจธาตุของข้าได้”
สีเป่ยเซียะสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีอันเหนือล้ำที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหลิงว่านถิงได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันคล้ายกับที่มีอยู่ในสำนักเบญจธาตุของนางในสาขาธาตุไม้
หลิงตู้ฉิงส่ายหน้า “ลูกสาวของข้า หลิงว่านถิง หลังจากจบเรื่องหยูเฉิงฮุยเมื่อไหร่ คนของสำนักเต๋าสวรรค์จะมารับนางตัวให้ไปเข้าร่วมสำนักเต๋าทันที”
หลิงว่านถิงโค้งคำนับให้สีเป่ยเซียะและพูดว่า “ท่านป้าสี ขอต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่ท่านพ่อของข้าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ อันที่จริงแล้วตัวข้าเองมีความขัดแย้งกับหยูเฉิงฮุยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่อของข้าจึงพยายามที่จะหาตัวหยูเฉิงฮุยมาสะสางปัญหาให้เสร็จสิ้น ส่วนเรื่องที่ข้าถูกล่อลวงนั้น ข้าไม่ได้ถูกล่อลวงและข้าก็ไม่ได้เสียอะไรไปให้กับคนผู้นั้นเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)