พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 459

เมื่อไม่นานที่ผ่านมามีเรื่องเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในมหาพิภพไร้จุดจบ นั่นคือการเปิดออกของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ

ซึ่งในช่วงเวลานั้นทางเข้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ถูกเปิดขึ้นที่รอยต่อระหว่างชายแดนของสามอาณาจักร ก็คืออาณาจักรอี้จิ๋น อาณาจักรอ้าวเทียน และอาณาจักรมังกรทะยาน และในเวลานั้นเพื่อที่จะมีโอกาสได้ปล้นสิทธิ์ในการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ทั้งสามอาณาจักรก็ได้ส่งกองทัพนับล้านของตนเองปิดล้อมรอบนอกบริเวณทางเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับทางด้านอาณาเขตอาณาจักรของตนเองเพื่อสกัดกั้นผู้คนที่มีกุญแจ

ซึ่งในช่วงเวลาที่กองทัพของอาณาจักรมังกรทะยานกำลังสกัดกั้นอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มของหลิงตู้ฉิงพอดีที่กำลังจะผ่านทาง และในเวลานั้นเองที่อาณาจักรมังกรทะยานก็ได้รู้จักกับหลิงตู้ฉิง

ดังนั้นเมื่อปู้ไป่เต๋าฉายภาพของหลิงตู้ฉิงและเสี่ยวเยว่เฟิง หลายคนที่อยู่ในท้องพระโรงที่จำหน้าพวกเขาได้ก็ถึงกับเข้าใจในทันทีว่าทำไมคนที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ถึงได้พิสดารนัก

แม่ทัพผู้หนึ่งที่เคยเห็นหลิงตู้ฉิงเมื่อตอนครั้งก่อน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังทันที “ฝ่าบาท เมื่อครั้งนั้นคนเหล่านี้ได้มากับผู้คนจากขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นข้ามีความเห็นว่าเราไม่ควรประมาทพวกเขา”

หยูไท่ฉวนพูดอย่างไม่พอใจว่า “มีอะไรต้องกังวลกัน? พวกเจ้าต้องวิเคราะห์จากความเป็นจริงในตอนนั้นด้วย ในตอนนั้นมันก็แค่พวกเขาร่วมทางกันเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็เท่านั้น นี่เจ้าไม่ได้สังเกตเหรอว่าครั้งนี้คนจากสำนักเบญจธาตุและตำหนักเทพเหมันต์นั้นไม่ได้อยู่ร่วมกับพวกเขาด้วยจริงไหม? รวมไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน คนพวกนั้นก็ไม่ได้มาด้วยไม่ใช่เหรอไง?”

“การเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมันผ่านไปนานมากแล้ว พวกเขาจะยังร่วมมือกันอีกไปทำไม? นอกจากนี้เจ้าคิดว่าเราอ่อนแองั้นเหรอ? อย่าลิมสิว่าพวกเราเป็นผู้มีสายเลือดของมังกร! ซึ่งเราเองก็มีผู้หนุนหลังคือ ตำหนักมังกร แล้วตำหนักมังกรของเราก็คือหนึ่งในขุมกำลังมหาอำนาจเช่นกัน! แล้วพวกเราจะยังต้องไปกังวลอะไรอีก?”

“ที่สำคัญไอ้คนกลุ่มนี้มันกล้าที่จะจับคนเผ่ามังกรไปลากรถม้าให้พวกมัน หากเราส่งข่าวนี้ไปยังตำหนักมังกรแล้วล่ะก็ รอดูได้เลยว่าพวกมันคงมีชีวิตอยู่รอดได้อีกไม่นานแน่นอน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยูไท่ฉวน เหล่าขุนนางหลายคนก็พยักหน้า

ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างก็คิดได้ว่า เรื่องที่ขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ เช่นสำนักเบญจธาตุ ภูเขาฟีนิกซ์ สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักเทพเหมันต์และอื่น ๆ สามารถรวมตัวเป็นพันธมิตรกันได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ด้วยเงื่อนไขและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่ทับซ้อนกันอย่างมากมาย มันส่งผลให้เหตุการณ์เช่นนั้นไม่มีวันที่จะเกิดขึ้น

แม่ทัพคนเดิมที่เตือนขึ้นเมื่อครู่ เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้เขาก็หัวเราะและพูดว่า “ฝ่าบาททรงปรีชาเหนือพวกกระหม่อมยิ่งนัก ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ว่าแต่ฝ่าบาท ในเมื่อตอนนี้พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ พวกเราควรจะรับมือกับพวกมันยังไงต่อดี?”

หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แค่รอพวกมันมาถึงแล้วค่อยออกไปจัดการกับพวกมันก็พอ อาณาจักรมังกรทะยานอันยิ่งใหญ่ของข้าจะไปด้อยกว่าอาณาจักรเล็ก ๆ ในดินแดนล้าหลังอย่างอาณาจักรจันทราได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกแบบเดียวกัน เพราะตอนนี้บรรดาแม่ทัพหรือขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงกันทั้งนั้น ซึ่งหลายคนก็อยู่ในระดับนักบุญแล้วด้วยซ้ำ

และด้วยข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาจากปู้ไป่เต๋า ว่าฝั่งตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำเพียงแค่คนเดียว หรือต่อให้รวมกับค่ายกลรบที่สามารถสำแดงความแข็งแกร่งของระดับเหนือล้ำได้ พวกเขาก็ยังคงเหนือกว่าหลายร้อยหลายพันเท่าอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจะต้องไปกลัวอะไร? เมื่อคิดได้เช่นนี้พวกเขาทั้งหมดจึงรอการมาถึงของหลิงตู้ฉิงอย่างใจเย็น

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขาก็ได้มาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยานเรียบร้อยแล้ว

สำหรับเหล่าผู้คนที่พึ่งเคยออกจากทะเลชางหมางเป็นครั้งแรกนั้น เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพของเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรมังกรทะยาน พวกเขาต่างก็เริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเมืองที่ดูอลังการและดูแข็งแกร่งมากขนาดนี้

“ก่อนหน้านี้ข้าก็นึกว่าเมืองเจินไห่นั้นยิ่งใหญ่สุดยอดเหนือกว่าเมืองใด ๆ ข้าไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าเมืองนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเมืองเจินไห่จนเทียบไม่ติด!”

“ฮึ่ม! สักวันหนึ่งอาณาจักรจันทราของเราจะต้องมีเมืองแบบนี้แน่นอน!”

ทหารหลายคนของอาณาจักรจันทราที่เห็นภาพของเมืองที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ต่างก็พากันกระซิบกระซาบกับคนข้าง ๆ ตนเองเกี่ยวกับเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยานที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)