ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงเห็นว่าในที่สุดหยูไท่ฉวนก็มาถึง เขาสั่งคนอื่น ๆ ทันที “อย่าก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาเด็ดขาด”
มีคนจำนวนมากเกินไป หากพวกเขาทั้งหมดก้าวออกจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา มันก็ยากที่หลิงตู้ฉิงจะปกป้องพวกเขาได้ทั้งหมด
จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ก้าวเท้าออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา
เย่ชิงเฉิง ซึ่งอยู่ด้านข้างมองไปที่หลิงตู้ฉิง ก่อนที่จะจ้องมองไปที่เย่หยูหลัน
เย่หยูหลันถอนหายใจกับตัวเอง นางยืนขึ้นและเดินออกจากค่ายกลกระบี่เหินเมฆา และไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง
ในอีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนและคนอื่น ๆ ก็จริงจังมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นการปรากฏตัวของเย่หยูหลัน
หลิงตู้ฉิงกวาดสายตามองไปที่กลุ่มคน และเมื่อเขามองไม่เห็นหยูเฉิงฮุย เขาก็มองไปที่หยูไท่ฉวน และถามขึ้นว่า “หยูเฉิงฮุยอยู่ที่ไหน?”
ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มคน ไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ
แม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรทะยาน และเขาก็มีคนมากมายที่คอยปกป้องเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงตัว
เขารู้สึกหวาดกลัวหลิงตู้ฉิงอย่างแท้จริง จากเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาให้เขาได้ยิน
วิธีการแบบใดกันที่สามารถทำให้คนกลายเป็นผีไปจริง ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เขาจะกล้าออกไปได้อย่างไร?
เว้นแต่ทุกอย่างจะจบสิ้นลงและผู้คนทั้งหมดจากอาณาจักรจันทราถูกจับ จากนั้นเขาถึงจะกล้าออกมาเสนอหน้า
ในขณะนี้เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงกำลังมองหาเขา คอของเขาก็หดกลับทันที
อีกด้านหนึ่ง หยูไท่ฉวนถามตอบกลับเช่นกัน หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลิงตู้ฉิง “เจ้าต้องการที่จะทำอะไร?”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หยูไท่ฉวน และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “มอบหยูเฉิงฮุยมา ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องจัดการกับเขา!”
หยูไท่ฉวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าก่อนว่าเป็นเจ้าใช่ไหมที่สังหารลูกชายคนโตของข้า หยูเจิ้งหมิง? และตอนนี้เจ้าได้นำกองกำลังของเจ้ามายังเมืองหลวงของข้า พร้อมกับดูหมิ่นคนของข้า เจ้าได้คำนึงถึงผลที่ตามมาดีแล้วใช่ไหม?”
“ถ้าเจ้าไม่ส่งหยูเฉิงฮุยมาให้ข้า ผลลัพธ์ที่เจ้าจะได้เผชิญมันจะน่ากลัวยิ่งกว่าที่ลูกชายของเจ้าได้เจอเป็นร้อยเท่า!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยูไท่ฉวนหัวเราะเยาะ และไม่สนใจคำขู่ของหลิงตู้ฉิง เขาหันไปหาเย่หยูหลันและถามขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากรู้ว่าสำนักของเจ้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เย่หยูหลันลังเลเล็กน้อย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ภารกิจของนางคือการปกป้องเย่ชิงเฉิง นอกเหนือจากความปลอดภัยของเย่ชิงเฉิงแล้ว อันที่จริงนางก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นอีก อย่างมากที่สุด นางก็แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของหลิงตู้ฉิงอีกคนด้วยเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย
เมื่อเห็นว่าเย่หยูหลันไม่ตอบอะไรออกไป เย่ชิงเฉิงก็เดินออกมาทันทีและพูดว่า “ข้าคือ เย่ชิงเฉิง จากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงเป็นสามีของข้า หลิงว่านถิงที่ถูกหยูเฉิงฮุยหลอกก็เป็นลูกสาวของข้า เจ้าคิดว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าควรเข้ามายุ่งหรือไม่?”
“สรุปแล้วเจ้ากำลังจะหมายถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า ต้องการทำสงครามกับตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงของเรางั้นเหรอ?” หยูไท่ฉวนถามขึ้นกลับ
เย่หยูหลันพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู…”
สำนักมหาอำนาจทั้งสองจะกลายเป็นศัตรูกันโดยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ยังระส่ำระส่ายจากปัญหาภายในอยู่แบบนี้ การสร้างศัตรูเพิ่มมันจะยิ่งทำให้สำนักของนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากไปกว่าเดิม
เย่ชิงเฉิงโบกมือหยุดเย่หยูหลันไม่ให้พูดอะไรต่อ นางจ้องไปที่หยูไท่ฉวนและพูดว่า “เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของตำหนักมังกรได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็นตัวแทนของภูเขาเอ้อหลง และจงอย่าลืมว่าลูกชายของเจ้าได้ทำเรื่องสกปรกเอาไว้ต่อพวกข้าก่อน ดังนั้นหากตำหนักมังกรล่วงรู้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยืนหยัดเพื่อเจ้า พวกเขาอาจจะล้างบางพวกเจ้าซะมากกว่า”
หยูไท่ฉวนเย้ยหยัน “แล้วการที่เจ้าดูหมิ่นเผ่ามังกรโดยการบังคับให้หลงเฉิน มาลากรถม้าให้กับพวกเจ้าเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อได้ทราบเรื่องแล้ว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)