ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน เขาสามารถมองเห็นพรสวรรค์ของหลิงว่านถิงได้อย่างชัดเจนมากกว่าซือโถวเหวินหยวน
สิ่งที่เขาเห็นก็คือมันเหมือนกับว่าหญิงสาวผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นคนของสำนักเต๋าสวรรค์ของพวกเขาตั้งแต่เกิด มันเหมือนว่าชะตาของนางถูกกำหนดให้ได้ครอบครองเต๋าของสำนักเต๋าสวรรค์ไว้ในอนาคต ซึ่งโดยเฉพาะในตอนนี้ที่สำนักของพวกเขานั้นไม่มีใครที่สามารถครอบครองเต๋าของสำนักได้แม้แต่คนเดียวมาเป็นเวลานาน นี่จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีของพวกเขามากที่สุดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เพราะนี่มันหมายความว่าหลังจากนี้ไป หากสำนักเต๋าสวรรค์ของพวกเขาบ่มเพาะหญิงสาวคนนี้อย่างเหมาะสม หญิงสาวผู้นี้จะกลายเป็นเสาหลักที่ไร้เทียมทานให้กับพวกเขาในอนาคต ตราบใดที่เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ตายก่อนวัยอันควรมันจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน
หลังจากมองประเมินหลิงว่านถิงเป็นเวลานาน ในที่สุดชายชราก็จ้องมองไปที่ลั่วหยุน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน เขาสามารถมองเห็นระดับการบ่มเพาะของลั่วหยุนได้ตามปกติ
หลังจากที่ตระหนักว่า ลั่วหยุนเป็นวิญญาณประเภทหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา จากนั้นเขาเปลี่ยนสายตากลับไปที่หลิงตู้ฉิง
“ข้าคือผู้เฒ่าสำนักเต๋าสวรรค์ อู๋หลิงซี ข้าได้ยินมาจากศิษย์ของข้าว่าเขาได้พบกับสุดยอดอัจฉริยะที่อยู่ในทะเลชางหมาง ซึ่งอันที่จริงในตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อเขาสักเท่าไหร่แต่จิตใต้สำนึกของข้ามันบอกว่าให้ข้าต้องมาลองตรวจสอบดู และเมื่อข้าได้เห็นลูกสาวของท่าน ข้าสามารถบอกได้กับท่านได้เลยว่าสวรรค์ช่างเมตตาเราอย่างแท้จริง ลูกสาวของท่านทำให้สำนักเต๋าสวรรค์ของข้ามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง! หากท่านอนุญาตให้ลูกสาวของท่านไปกับเรา ข้าขอรับประกันว่าดวงชะตาของลูกสาวท่านในอนาคตจะมีเพียงอย่างเดียวก็คือนางจะได้เป็น นายเหนือหัวของสำนักเต๋าสวรรค์ของเราแน่นอน! ข้าขอสาบานกับท่านได้เลยว่าหลังจากที่เราพานางกลับไปที่สำนักเราจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่พวกเรามีเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวของท่าน ท่านจงมั่นใจได้ว่าหลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในมหาพิภพไร้จุดจบจะได้ได้ยินชื่อเสียงของนางอย่างแน่นอน!” ชายชราพูดอย่างตื่นเต้น
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและตอบกลับว่า “อืม ดูจากที่สำนักของเจ้า ส่งเจ้ามาด้วยตัวเองแล้ว ข้าคิดว่าน้ำใจของสำนักเจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว กล้าส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันขั้นสูงสุดอย่างเจ้ามารับลูกสาวข้าแบบนี้ ข้าค่อนข้างพอใจมากทีเดียว เอาล่ะ ข้าจะอนุญาตให้เจ้าพานางไปอยู่ที่สำนักของเจ้าได้สักพัก แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่บางประการที่จะต้องบอกกับเจ้าก่อน”
อู๋หลิงซีมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาประหลาดใจ และถามว่า “ท่านมีเงื่อนไขอะไรงั้นหรือ?”
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน แต่หลิงว่านถิงก็เป็นลูกสาวของชายที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องรับฟังสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการจะพูดอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือหากเป็นคนอื่น เมื่อรู้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับใดหรือเป็นคนมาจากสำนักไหน การแสดงออกน่าจะไม่ใช่แบบนี้มันน่าจะเป็นการแสดงออกในลักษณะตื่นเต้นสุดขีดจนแทบทนไม่ไหวให้เขาพาลูกสาวของตนเองไปทันที แต่ชายคนนี้กลับดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด แถมต้องการยื่นเงื่อนไขให้เขาอีกต่างหาก
หลิงตู้ฉิงมองไปที่อู๋หลิงซี และพูดว่า “เงื่อนไขข้อแรก หากสำนักของเจ้าทำให้ลูกสาวของข้าทุกข์ทรมานในระหว่างอยู่ในสำนักเต๋าสวรรค์แล้ว คนทุกคนในสำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้าจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานเช่นกัน ข้าจะไม่สนว่าใครในสำนักของเจ้าทำให้ลูกสาวของข้าต้องทุกข์ทน เจ้าจงจำไว้ทั้งสำนักของเจ้าคือเป้าหมายแรกที่ข้าจะเล่นงาน แล้วจากนั้นข้าค่อยไปเล่นงานคนที่สร้างปัญหาให้กับลูกสาวของข้าต่ออีกที”
อู๋หลิงซีหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ข้ารับประกันได้ว่าลูกสาวของท่านจะเป็นที่รักและได้การรับการดูแลทะนุถนอมเป็นอย่างดีที่สุดเมื่ออยู่ในสำนักของเรา เราจะไม่มีทางปล่อยให้นางต้องทนทุกข์ทรมานแน่นอน เอาล่ะเงื่อนไขข้อสองของท่านคืออะไรต่อ?”
อู๋หลิงซีไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับคำพูดขู่คุกคามของหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงหยักหน้าและพูดต่อ “ข้อที่สองก็คือถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวของข้า สำนักเต๋าสวรรค์ทั้งหมดจะถูกทำลายไปพร้อมกับนาง!”
อู๋หลิงซีเลิกคิ้วและพูดว่า “เราจะปกป้องนางด้วยชีวิตของเราอย่างแน่นอน เราจะไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับนาง ถ้าท่านไม่มีคำถามอื่น ๆ แล้ว งั้นท่านช่วยไขข้อสงสัยของข้าหน่อยได้ไหม จากที่ข้าดูแล้วท่านน่าจะเป็นบุคคลที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา และจากการที่ข้าเคยได้ยินศิษย์ของข้าเล่าให้ฟังว่าท่านรู้ความลับเกี่ยวกับสำนักเต๋าสวรรค์ของเรา เป็นไปได้ไหมว่าท่านมีความสัมพันธ์บางอย่างกับสำนักเต๋าสวรรค์ของเรา?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “เจ้าคงไม่อยากรู้หรอกว่าข้าล่วงรู้ความลับของพวกเจ้ามาจากไหน แต่สิ่งที่ข้าตอบได้ก็คือข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้าแน่นอน เอาล่ะ หากไม่มีอะไรแล้วเจ้าก็พาลูกสาวของข้ากลับไปกับเจ้าได้แล้ว อ๋อ จงอย่าลืมเงื่อนไขทั้งสองข้อของข้าเด็ดขาด ข้าไม่เคยพูดอะไรที่ข้าทำไม่ได้ออกมาแม้แต่ครั้งเดียว!”
อู๋หลิงซีส่ายหัวและพูดว่า “เฮ้อ นี่ท่านจะพูดเกินไปหน่อยไหม? เอาล่ะ ถ้างั้นท่านช่วยแสดงอะไรให้ข้าเห็นบ้างสักหน่อยได้ไหมเพื่อที่ข้าจะได้มีเหตุผลที่จะเชื่อในสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดไป ไม่เช่นนั้นข้าชักจะเริ่มรู้สึกว่าท่านอยากจะดูหมิ่นสำนักของข้ามากกว่าที่จะส่งตัวลูกสาวของท่านมาให้เรา…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)