จักรพรรดิแห่งอาณาจักรมังกรทะยาน หยูไท่ฉวนมองดูหลิงตู้ฉิง และอู๋หลิงซีจากไปอย่างตกตะลึง
เมื่อเขามองไปที่ซากปรักหักพังของเมืองหลวง ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันนั้นน่ากลัวเพียงใด
ภายใต้เจตจำนงของอู๋หลิงซี อาคารทั้งหมดที่อยู่ในเมืองหลวงได้พังทลายลง
อย่างไรก็ตามไม่มีชีวิตมนุษย์สักคนเดียวที่ได้รับอันตราย
หากใช้ความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ในการฆ่า ผู้คนเมืองหลวงทั้งหมดคงจะตายภายในพริบตา
หลังจากที่เขามองไปที่ซากปรักหักพังในเมืองแล้ว สายตาของเขาก็มาหยุดลงที่หยูเฉิงฮุย ซึ่งในดวงตาของเขาตอนนี้มันมีแต่ความรังเกียจ
เป็นลูกชายคนนี้ที่นำความหายนะมาสู่อาณาจักรมังกรทะยานของเขา
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกก็คือเขาจะต้องมุ่งความสนใจไปที่การสร้างเมืองหลวงขึ้นมาใหม่
เมื่อครุ่นคิดอยู่ได้สักพัก หยูไท่ฉวนก็เริ่มออกคำสั่งให้คนของเขาเริ่มแผนการสร้างเมืองหลวงขึ้นมาใหม่
ในขณะนี้ หยูเฉิงฮุยก็จ้องมองไปที่สภาพอันเละเทะของเมืองหลวงด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยการที่หลิงว่านถิงชอบเขาและถ้าเขาตอบรับนางด้วยความจริงใจ และแต่งนางเป็นภรรยาจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาในอนาคต? โอกาสนี้ดีแค่ไหนทำไมเขาถึงเอาแต่ยึดติดกับร่างกายแก่นแท้ปฐพีเช่นนั้น ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเขาถูกเปิดโปงแล้วทำไมเขาถึงไม่กลับใจแต่กลับทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลง?
ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมีผู้สนับสนุนที่สูงศักดิ์และสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก็เป็นเขาเองที่ผลักไสผู้สนับสนุนผู้นั้นออกไป
เขาเพิ่งรู้ว่าเขาประเมินผู้สนับสนุนของเขาต่ำไปแล้ว
แน่นอนว่าทุกอย่างเหล่านั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้วในตอนนี้ นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าในอนาคตร่างกายของเขากำลังจะค่อย ๆ เน่าเปื่อยไป แล้วจากนั้นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขากำลังจะเริ่มขึ้น
ในเวลานี้ อู๋หลิงซีกำลังบินไปยังสำนักเต๋าสวรรค์พร้อมกับหลิงว่านถิงและซือโถวเหวินหยวน
ตอนนี้เขาต้องพาหลิงว่านถิงกลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์โดยเร็วที่สุด และใช้ทรัพยากรทั้งหมดของสำนักเต๋าสวรรค์เพื่อเลี้ยงดูนาง
“ท่านบรรพบุรุษ จากวิธีที่ท่านพูดกับนายท่านดูเหมือนท่านจะรู้จักเขา?” ซือโถวเหวินหยวนอดไม่ได้ที่จะถาม ในขณะที่เขานึกถึงภาพที่อู๋หลิงซีและหลิงตู้ฉิงคุยกัน
อู๋หลิงซีอดไม่ได้ที่จะทำให้พาหนะวิเศษบินช้าลง จากนั้นเขาเหลือบมองไปที่หลิงว่านถิง และถอนหายใจ “อาจพูดได้ว่าข้ารู้จักเขา หรืออาจพูดได้ว่าข้าไม่ได้รู้จักเขา!”
“ผู้อาวุโส ท่านหมายถึงอะไร?” หลิงว่านถิงถามอย่างสงสัย
นางอยากรู้ด้วยว่าท่านพ่อของนางคือใคร
อู๋หลิงซีถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับมองไปที่ซือโถวเหวินหยวน และพูดว่า “ตอนนี้เราพึ่งเข้ามาในภูมิภาคเป่ยหมิง ซึ่งเจ้าน่าจะรู้ว่าตอนนี้มีพื้นที่ใกล้เคียงที่หนึ่งที่เรียกว่า อาณาเขตสุสานกระบี่ ใช่ไหม?”
ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ข้ารู้จักอาณาเขตสุสานกระบี่!”
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่า ทำไมอาณาเขตสุสานกระบี่ ถึงเรียกว่า อาณาเขตสุสานกระบี่?” อู๋หลิงซีถาม
ซือโถวเหวินหยวนเกาหัว “ว่ากันว่ามีผู้เชี่ยวชาญในอดีตผู้หนึ่งที่มีความแข็งแกร่งถึงขนาดแยกปฐพีออกจากกันได้ด้วยการฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว และเมื่อเขาตายลง ร่างของเขาก็ถูกฝังอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นดินแดนที่นี่ก็ถูกเปลี่ยนชื่อไป”
อู๋หลิงซีพยักหน้าช้า ๆ “เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว สาเหตุที่ดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า อาณาเขตสุสานกระบี่ ก็เพราะหลุมฝังศพของเทพกระบี่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งนี้ และภายในสุสานกระบี่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เทพกระบี่ได้ทิ้งเต๋ากระบี่ของเขาเอาไว้อีกด้วย ซึ่งนับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมายันปัจจุบัน เต๋ากระบี่ของเขายังคงเป็นเต๋ากระบี่อันดับหนึ่งของโลก”
“ในปีนั้นข้าได้ลองไปที่สุสานกระบี่เช่นกัน และข้าก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับเต๋ากระบี่อันดับหนึ่งของโลกนั้นเป็นการส่วนตัว ตัวข้าเองนั้นทดสอบผ่านได้ไปถึงกระบวนท่าที่สามและแต่เมื่อข้าเผชิญกับกระบวนท่าที่สี่ ข้าก็ต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ในเวลานั้นการบ่มเพาะของข้ายังค่อนข้างตื้นเขินและข้ายังอยู่เพียงขอบเขตนภา แต่แม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ ในที่สุดข้าก็สามารถรักษาชีวิตของข้าไว้ได้”
“ซึ่งจุดสำคัญมันอยู่ที่กระบวนท่าที่ข้าพ่ายแพ้ก็คือสิ่งเดียวกับที่พ่อของว่านถิงแสดงให้ข้าเห็น มันถูกเรียกว่า กระบี่ทะลวงยมโลก! ซึ่งคือกระบี่ที่สี่ของวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ มันเป็นกระบี่ที่ไว้ใช้สำหรับโจมตีวิญญาณของคู่ต่อสู้โดยตรง ข้าไม่มีทางจำมันผิดแน่นอนเพราะมันเป็นกระบี่ที่ข้าเคยพ่ายแพ้มาจนกลายเป็นความทรงจำที่ตราตรึงอยู่ในหัวมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)