ภายในสำนักวิญญาณโลหิต ทุกคนเฝ้าดูตงฟางจุนดูดซับเจตจำนงกระบี่ถัดมาอื่นอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเจตจำนงกระบี่ถูกดูดซับ สิ่งปลูกสร้างที่เคยถูกเจตจำนงกระบี่ผนึกไว้ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น จากนั้นต้นกล้าสองสามต้นก็เริ่มงอกออกมาจากภายในห้องของตึกที่กำลังฟื้นตัว
ต้นกล้าแสนอ่อนแอเหล่านี้เริ่มแตกหน่อต่อหน้าทุกคนและในไม่ช้าพวกมันก็เติบโตสูงหนึ่งถึงสองฟุต
“แท้จริงแล้วมันคือ ต้นมะเดื่อโลหิต!!…” ใครบางคนร้องเสียงหลง จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ต้นมะเดื่อโลหิต เพื่อดึงมันขึ้นมาเก็บไว้
ตงฟางไป๋ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขายิ้มเยาะและส่งฝ่ามือผลักผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำกระเด็นลอยออกไปทันที
“เป็นพวกข้าที่ทำให้ต้นมะเดื่อโลหิตเหล่านี้เติบโตขึ้น พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงพยายามมาแย่งของ ๆ ข้า!” ตงฟางไป๋พูดอย่างเย็นชา
เมื่อพูดจบ ตงฟางไป๋มองไปที่ต้นมะเดื่อโลหิตด้วยสีหน้าขัดแย้ง
มันเพิ่งงอกออกมา ดังนั้นมันจึงยังไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามหากหลังจากนี้อีกหนึ่งพันปีมันสามารถใช้เป็นส่วนผสมโอสถได้ หรือหลังจากหมื่นปีมันสามารถกลายเป็นโอสถระดับสวรรค์ได้ แต่พวกเขารอที่นี่เป็นเวลาพันปีไม่ได้…
หลิงตู้ฉิง ในตอนนี้ก็มองไปที่ต้นมะเดื่อโลหิตเช่นกัน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
สมุนไพรชนิดนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับคนในตระกูลของเขา อย่างมากที่สุดที่มันจะทำปรโยชน์ได้ก็คือเอามันไปขายต่อหรือแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของล้ำค่ากับคนอื่นได้
อย่างไรก็ตาม มันก็วนกลับมาที่ปัญหาเดิมก็คือมันเป็นต้นมะเดื่อโลหิตที่ยังไม่โต ดังนั้นการเอามันไปในตอนนี้ก็เท่ากับว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
หลังจากที่ตงฟางจุนดูดซับเจตจำนงกระบี่เสร็จแล้ว เขาก็มองไปที่ต้นมะเดื่อโลหิต หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “พี่หลิง เราพบต้นมะเดื่อโลหิตนี้ด้วยกัน ดังนั้นเราแบ่งครึ่งกัน พี่หลิงว่าดีไหม?”
ตงฟางไป๋ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นว่า “อาจุน ทำไมเจ้าต้องแบ่งมันให้กับพวกเขาด้วย? แม้ว่าเราจะเจอมันในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าหากไม่มีเจ้าพวกเขาก็ไม่มีทางได้เห็นมันแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของปู่ตนเอง ตงฟางจุนรีบตอบกลับทางโทรจิตไปหาตงฟางไป๋ทันที “ท่านปู่ท่านจงฟังข้า! หลิงตูฉิง ผู้นี้น่ากลัวอย่างยิ่ง ท่านห้ามตัดสินความสามารถของเขาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ท่านเห็นเด็ดขาด สำหรับต้นมะเดื่อโลหิตแค่ 2-3 ต้นนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยสักนิดหากได้แลกกับการทำให้เขาพอใจพวกเรา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตงฟางไป๋ก็หยุดพูดทันทีเพราะการแสดงออกของตงฟางจุนนั้นจริงจังเป็นอย่างมากบวกกับที่เขาสามารถดูดซับเจตจำนงกระบี่ของเทพกระบี่ได้ ซึ่งมันหมายความว่าตงฟางจุนคงจะเป็นเทพกระบี่กลับชาติมาเกิด
และถ้านี่คือการกลับชาติมาเกิดของเทพกระบี่ อนาคตของตงฟางจุนจะกลายเป็นๆตัวตนที่น่ากลัวมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปู่ แต่เขาก็ยังคงต้องฟังหลานของตัวเอง
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “จะมีประโยชน์อะไรถ้าแบ่งสมุนไพรมาแค่ครึ่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้นนี่คืออาณาเขตของสำนักวิญญาณโลหิต ถ้าเจ้าต้องการจะเอาของพวกเขาไป มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาว่าจะยินยอมหรือไม่!”
“เราไม่เห็นด้วย!” เสียงหนึ่งลอยดังขึ้นทันทีหลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบประโยค
ทุกคนหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงทันที ซึ่งพวกเขาก็ได้เห็นกานจู่ซ่านกำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
อันดับแรก ตงฟางไป๋มองประเมินกานจู่ซ่านก่อนทันที และเมื่อเขาเห็นแล้วว่าฝั่งตรงข้ามเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็รีบจับตัวตงฟางจุนมาไว้ข้างหลังเขาพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเป็นสมาชิกของสำนักวิญญาณโลหิตหรือไง?”
กานจู่ซ่านมองไปที่ตงฟางไป๋อย่างเย็นชาและตะคอก “นี่เจ้าไม่รู้งั้นเหรอว่าข้าได้พบกับวิชามหาเวทย์สูบโลหิตของสำนักวิญญาณโลหิตและข้าได้ฝึกฝนมันแล้ว ดังนั้นตัวข้าจึงนับได้ว่าเป็นคนของสำนักวิญญาณโลหิตอย่างเต็มตัว และมีสิทธิ์ตัดสินใจทำอะไรก็ได้ในสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด”
ตงฟางไป๋พูดอย่างเย็นชา “เจ้าฝึกฝนวิชามหาเวทย์สูบโลหิตได้เพียงไม่กี่วัน แต่กลับกล้าอ้างตัวว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจแทนสำนักวิญญาณโลหิต?”
“แม้ว่าข้าจะบ่มเพาะมันมาหนึ่งวันตราบเท่าที่ข้าได้ฝึกฝนวิชามหาเวทย์สูบโลหิต ข้าก็ยังคงเป็นศิษย์สำนักวิญญาณโลหิต” กานจู่ซ่านหัวเราะเยาะ “อ๋อ ข้าได้ยินมาว่าหลานชายของเจ้าเป็นเทพกระบี่กลับชาติมาเกิดงั้นเหรอ? เช่นนั้นเจ้าพอจะรู้ใช่ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างเทพกระบี่และสำนักวิญญาณโลหิตของเราเป็นอย่างไร? ในเมื่อเขาเป็นเทพกระบี่กลับชาติมาเกิด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะต้องแก้แค้นเขา นอกจากนี้ข้าเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่เช่นกัน ข้าหวังว่าท่านผู้อาวุโสเทพกระบี่จะให้คำชี้แนะแก่ข้าได้สักหน่อย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตงฟางจุนถึงกับตกตะลึง
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต้องการขอคำชี้แนะจากเขา?
ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้เผชิญกับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอน หากเขาบังเอิญดูดซับเจตจำนงกระบี่ของเทพกระบี่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)